ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.00/02 จับตาสหรัฐแถลง GDP ไตรมาส 3/61 คาดกรอบบาทพรุ่งนี้ 32.98 - 33.08

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 28, 2018 17:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 33.00/02 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็ก น้อยจากช่วงเช้าเปิดตลาดที่ระดับ 33.03/06 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ตามแรงซื้อ-ขาย โดยตลาดรอดูตัวเลข GDP ไตรมาส 3/61 ของสหรัฐฯที่ จะประกาศในคืนนี้ รวมทั้งจับตาการหารือนอกรอบระหว่าง 2 ผู้นำ คือสหรัฐฯ และจีนในช่วงการประชุม G20 ปลายสัปดาห์นี้

"คืนนี้ต้องรอดูตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐฯ ถ้าออกมาไม่ได้เซอร์ไพรสตลาดมาก ดอลลาร์ก็คงไม่ move มาก ตลาดก็คงไปให้ความสนใจกับการหารือนอกรอบของทรัมป์ และสีจิ้นผิงแทน" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.98 - 33.08 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.75/77 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 113.65/90 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1281/1283 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1270/1300 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,640.63 จุด เพิ่มขึ้น 6.36 จุด (+0.39%) มูลค่าการซื้อขาย 31,784 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 833.95 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่
14 พ.ย.61 ที่คณะกรรมการฯ มีมติ 4 ต่อ 3 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดยกรรมการส่วนใหญ่เห็นว่านโยบาย
การเงินแบบผ่อนคลายในระดับปัจจุบันยังจำเป็นต่อการสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ต่อเนื่อง ซึ่งเศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับความ
เสี่ยงด้านต่ำจากผลกระทบของมาตรการกีดกันทางการค้าที่มีความไม่แน่นอนสูง รวมทั้งภาคท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลง และต้องติดตาม
ความเข้มแข็งของการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนที่จะเป็นแรงส่งของเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนตุลาคม 2561 ได้รับแรงขับเคลื่อนจากการบริโภคภาค
เอกชนและการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 3 เดือน ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิง
พาณิชย์ขยายตัวสูงสุดในรอบ 70 เดือน และปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศขยายตัวสูงสุด 65 เดือน ขณะที่การส่งออกกลับ
มาขยายตัว โดยการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และจีนกลับมาขยายตัวหลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้า สำหรับเศรษฐกิจไทยด้านการผลิตมี
แนวโน้มขยายตัวเร่งขึ้นในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมเป็นสำคัญ ขณะที่สถานการณ์การท่องเที่ยวต่างชาติยังคงหดตัวเล็กน้อย
  • สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า เตรียมปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทยปี 2561 อีกครั้งในเดือน ม.
ค.62 จากทั้งปีที่ตั้งเป้าหมายขยายตัวไว้ 4.5% โดยจะรอพิจารณาปัจจัยที่มีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างละเอียดอีกครั้ง
เนื่องจากหลายตัวแปรยังไม่นิ่ง เช่น ตัวเลขส่งออกที่ต้องรอความชัดเจนในเดือน พ.ย.นี้, ผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้า
ระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมทั้งสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยว
  • กรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม เรื่อยมาจนถึงวันที่ 27 พ.ย.62 ไทยส่งออกข้าวแล้ว
ปริมาณ 9.89 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 161,384 ล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.52% มั่นใจว่าไทยจะส่งออกข้าว
ได้ 11 ล้านตันตามเป้าอย่างแน่นอน เนื่องจากประเทศผู้นำเข้าข้าวยังมีคำสั่งซื้อข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง อาทิ กลุ่มประเทศในภูมิภาค
แอฟริกาที่จะมีการนำเข้าข้าวก่อนช่วงเทศกาลคริสต์มาส
  • รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ เตรียมเข้าร่วมประชุมกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน
นอกรอบการประชุม G20 ที่ประเทศอาร์เจนตินาในช่วงปลายสัปดาห์นี้
  • ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ จะประชุมแบบทวิภาคีกับผู้นำประเทศญี่ปุ่น รัสเซีย
เยอรมนี และอาร์เจนตินา นอกรอบการประชุมสุดยอด G20 ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันตั้งแต่วันศุกร์นี้ ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศ
อาร์เจนตินา
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้ออกมาโจมตีนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
อีกครั้ง ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์เมื่อวานนี้ โดยปธน.ทรัมป์อ้างว่า นายพาวเวลเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด
การเทขายในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อเร็วๆนี้ อีกทั้งยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้บริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ตัดสินใจปิดโรงงานหลาย
แห่งและปลดพนักงาน เพราะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ
  • คืนนี้ ติดตามการรายงาน GDP 3Q61 ของสหรัฐฯ ครั้งที่ 2 คาดขยายตัว 3.6% และการกล่าวปาฐกถาของนายเจอ

โรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งตลาดต่างจับตาแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจากการแถลงของประธาน

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ โดยตลาดมีการคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเดือนธ.ค.นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ