สภาพัฒน์ จับตาหนี้ครัวเรือนแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการเข้าถึงบริการการเงินได้ง่ายในยุคดิจิทัล ห่วงความสามารถชำระหนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 13, 2018 16:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางชุตินาฏ วงศ์สุบรรณ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ กล่าวถึงภาวะหนี้ครัวเรือนว่า ปัญหาหนี้สินครัวเรือนยังเป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากมูลค่าหนี้สินครัวเรือนอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หากมีปัจจัยภายนอกมากระทบอาจส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนได้ โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยซึ่งสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ทรงตัวอยู่ในระดับสูง สินเชื่อซื้อ/เช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อเพื่อการบริโภคบุคคลอื่น ๆ ที่ค่อย ๆ เร่งตัวขึ้น ตามมาตรการส่งเสริมการขายที่จูงใจผู้บริโภคและอาจทำให้เกิดการก่อหนี้เพิ่ม

ประชาชนมีโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการเงิน (Fin-tech) ที่ทำให้มีความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินมากขึ้น ซึ่งหากขาดความตระหนักในการมีวินัยทางการเงิน รวมถึงความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการด้านการเงิน อาจนำไปสู่พฤติกรรมการใช้จ่ายที่เกินความสามารถในการหารายได้ และความสามารถในการชำระหนี้สิน

อนึ่ง ภาวะหนี้ครัวเรือนในไตรมาส 3/61 หนี้เพื่อการอุปโภคที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้น 7.8% ชะลอลงจาก 10.3% สัดส่วนหนี้เพื่อการอุปโภคที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมและ NPL อยู่ 2.73% และ 26.80% ใกล้เคียงกับ 2.72% และ 26.22% ในไตรมาสก่อนหน้าตามลำดับ การผิดนัดชำระหนี้สินเชื่อเกิน 3 เดือนของบัตรเครดิตลดลง 0.2% และของสินเชื่อภายใต้การกำกับเพิ่มขึ้น 9.7%

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาล ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือน ทั้งในระบบและนอกระบบอย่างต่อเนื่อง โดยมีมาตรการสำคัญ ๆ อาทิ โครงการคลีนิคแก้หนี้ โดยความร่วมมือระหว่างสมาคมธนาคารไทยและสมาคมธนาคารนานาชาติ ภายใต้การสนับสนุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการดำเนิน "โครงการแก้ไขปัญหาหนี้ส่วนบุคคลสำหรับผู้ที่ไม่มีหลักประกัน" เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินกับธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ได้ รวมทั้งบริหารจัดการชำระหนี้ของตนเองได้อย่างเหมาะสมตามความสามารถที่แท้จริง ควบคู่กับการเสริมสร้างวินัยทางการเงินที่ดี

การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยมีการดำเนินการตามแนวทางของกระทรวงการคลัง 5 มิติ ได้แก่ 1) ดำเนินการอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย 2) การเพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อในระบบให้กับลูกหนี้นอกระบบ และประชาชนทั่วไป ได้แก่ การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ "สินเชื่อรายย่อย ระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์)" และการจัดตั้ง "หน่วยแก้หนี้นอกระบบ" (Business Unit) ภายในธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 3) ลดภาระหนี้นอกระบบโดยการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้โดยจัดให้มี "จุดให้คำปรึกษาปัญหาหนี้นอกระบบ" ณ สาขา ธ.ออมสิน และธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ 4) เพิ่มศักยภาพของลูกหนี้นอกระบบที่ไม่มีศักยภาพในการหารายได้ หรือมีความสามารถในการชำระหนี้ต่ำโดยการสนับสนุนด้านการฟื้นฟูอาชีพ และ 5) สนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรการเงินชุมชนที่เกี่ยวข้องได้แก่ สร้างเครือข่ายองค์กรการเงินชุมชน

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยกระทรวงศึกษาธิการและธนาคารออมสิน ได้ร่วมกันออกมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา

มาตรการลดภาระหนี้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้เกษตรกรรายย่อย ได้แก่ โครงการขยายเวลาชำระหนี้ให้เกษตรกรรายย่อย ที่เป็นลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2561– 31 กรกฎาคม 2564, โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรรายย่อย เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2561 – 31 กรกฎาคม 2562

การจัดตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมการออมทรัพย์ของสมาชิกและเพื่อเป็นหลักประกันการจ่ายบำนาญและให้ประโยชน์ตอบแทนแก่สมาชิกเมื่อสิ้นสมาชิกภาพ


แท็ก สภาพัฒน์  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ