นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 32.70/73บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่เปิด ตลาดที่ระดับ 32.71/73 บาท/ดอลลาร์
ระหว่างวันเงินบาทปรับตัวแข็งค่าจากช่วงเช้า ทั้งนี้ ไม่ได้เป็นผลจากปัจจัยพื้นฐานตัวใดเป็นสำคัญ แต่คาดว่าบาทที่แข็ง ค่ามาจากการเก็งกำไร และเป็นผลจาก flow มากกว่า อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้ปัจจัยต่างประเทศสำคัญที่ยังต้องติดตาม คือ สถานการณ์ Brexit ตลอดจนสงครามการค้า
ส่วนปัจจัยที่สำคัญในสัปดาห์หน้า ต้องรอดูผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และการประชุม ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะมีการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงการประชุมส่งท้ายปีหรือไม่
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบที่ 32.65-32.75 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.45 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 113.41 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1375 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1367 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,614.99 จุด ลดลง 19.89 จุด (-1.22%) มูลค่าการซื้อขาย 52,506 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 118.43 ลบ.(SET+MAI)
- นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลพิจารณร่างพ.ร.ฎ.การเลือกตั้ง ที่คณะกรรมการ
- สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ระบุว่า ปัญหาหนี้สินครัวเรือนยังเป็น
- รัฐบาลอิตาลี ยอมปรับลดเป้าหมายการขาดดุลในร่างงบประมาณประจำปี 2562 ลงจากระดับ 2.4% สู่ระดับ
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ระงับการดำเนินการทางตลาดผ่านการทำข้อตกลง reverse repo เป็นวันที่ 35
ติดต่อกันในวันนี้ โดยระบุว่า สภาพคล่องในระบบธนาคารนั้นมีเพียงพอ ทั้งนี้ reverse repo เป็นกระบวนการอัดฉีดสภาพคล่องที่
ธนาคารกลางเข้าซื้อหลักทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ด้วยข้อตกลงที่จะขายคืนในอนาคต