นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนนี้ที่ระดับ 32.80 บาท/ดอลลาร์ จากตอนเช้า เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.72 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวระหว่าง 32.71-32.82 บาท/ดอลลาร์
"มีแรงซื้อดอลลาร์กลับเข้ามาในตลาด หลังตัวเลขเศรษฐกิจของยูโรโซนและเยอรมนีออกมาไม่ดี"นักบริหารเงิน กล่าว
สำหรับทิศทางสัปดาห์หน้า เนื่องจากจะมีการประชุมนัดสำคัญของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ช่วงกลาง สัปดาห์ เบื้องต้นจึงประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในช่วงต้นสัปดาห์ไว้ระหว่าง 32.70-32.80 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.56 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 113.43 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1294 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.1359 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,609.45 จุด ลดลง 5.54 จุด, -0.34% มูลค่าการซื้อขาย 44,918.04 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,478.22 ลบ.(SET+MAI)
- สัปดาห์หน้าในวันจันทร์ติดตาม CPI ของยูโรโซน ประจำเดือน พ.ย. ต่อมาในวันพุธทั้ง กนง.(ไทย) และ BOJ(ญี่ปุ่น)
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า มีโอกาสสูงขึ้นที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบสุดท้ายของปี 2561 อาจจะปรับ
ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% หลังจากได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นถึงความจำเป็นในการปรับสมดุลของการดำเนินนโยบายการเงินเพื่อ
สร้างขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน (policy space) ในระยะข้างหน้า
- นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้แจ้งกับผู้นำของสหภาพยุโรป (EU) ว่า ข้อตกลงเรื่องการถอนตัวที่ได้มีการเจรจาต่อรองไปก่อน
- สภาผู้แทนราษฎรของเยอรมนีหรือ Bundestag ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยที่จะเปิดให้มีการเจรจาเรื่องข้อตกลงการ
- ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญแรงกดดันจากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
- ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดสภาพคล่องวงเงิน 2.86 แสนล้านหยวน (ประมาณ 4.15 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ตลาด
- กระทรวงพาณิชย์ของจีนเปิดเผยว่า จีนและสหรัฐได้ผลักดันให้การเจรจาเรื่องการค้ามีความคืบหน้า ด้วยการติดต่อประสาน
- กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่
- สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมประกาศเลื่อนเวลาการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
เพิ่มเติมมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ออกไปเป็นวันที่ 1 มี.ค. 2562