นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีความก้าวหน้าตามแผนงานที่วางไว้ และอยู่ระหว่างการหาผู้ลงทุนร่วมเพื่อเข้ามาลงทุนพัฒนาในเขต EEC คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาปีละกว่า 1 แสนล้านบาท โดยรัฐบาลมีการเริ่มส่งเสริมการลงทุนใน 5 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์, อุตสาหกรรมหุ่นยนต์, อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมชีวภาพ ซึ่งมีการเริ่มลงทุนแล้วในปีนี้
ขณะเดียวกัน การพัฒนาพื้นที่ EEC มองว่าต้องมีการพัฒนาสภาพแวดล้อมเพื่อนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนในชุมชนเมือง อาทิ การสร้างอาชีพ และการท่องเที่ยว ซึ่งจำเป็นต้องมีการหารือและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมถึงมีการดูแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจและชุมชนระหว่างภาคอุตสาหกรรมและประชาชนเป็นไปอย่างควบคู่กัน
"พื้นที่ EEC เป็นต้นแบบในการพัฒนาที่ยึดโยง 3 จังหวัด ทำให้การปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจผ่านการยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศประสบความสำเร็จ ทำให้ประเทศไทยมีบทบาทเต็มที่ในเวทีอาเซียน" นายอุตตม กล่าว
พร้อมระบุว่า สำหรับอุตสาหกรรมเหล็ก เป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เป็น "ยานยนต์แห่งอนาคต" ที่เป็นเป้าหมายของประเทศ ซึ่งต้องการวัตถุดิบ อุปกรณ์ และชิ้นส่วนที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีในการผลิต ซึ่งปัจจุบันการยกระดับของอุตสาหกรรมเหล็ก เป็นการพัฒนาห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ต้นทาง และมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมอื่นเข้าด้วยกันแบบดิจิทัลมากขึ้น
ปัจจุบัน นักลงทุนต่างชาติเริ่มมีความสนใจในการเข้าลงทุนอุตสาหกรรมเหล็กมากขึ้น ซึ่งในระยะถัดไปมองว่าการเข้าลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเป็นไปได้ทั้ง 2 รูปแบบคือ การโปรโมทเพื่อหาผู้ลงทุน และการร่วมทุนจากบริษัทต่างชาติ ทั้งนี้ เพื่อสอดรับยุทธศาสตร์การพัฒนา EEC และการขับเคลื่อนประเทศแบบ "ไทยแลนด์ 4.0" และขยายแนวทางการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมในพื้นที่อื่นต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมมีการมอบหมายให้สมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็ก จัดทำแผนแม่บทรองรับการพัฒนาการผลิต เทคโนโลยี บุคลากร และการวิจัย ในระยะเวลา 5-10 ปี คาดว่าจะมีการชี้แจงความเห็นชอบภายในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อให้ภาครัฐมีการดำเนินการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคต