ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.78 แกว่งแคบ รอลุ้นเฟด-กนง.ประชุมดอกเบี้ย คาดกรอบพรุ่งนี้ 32.75-32.85

ข่าวเศรษฐกิจ Monday December 17, 2018 17:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.78 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากช่วงเช้า ที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.78/79 บาท/ดอลลาร์

ระหว่างวันเงินบาทยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ เนื่องจากตลาดรอดูปัจจัยสำคัญที่จะมีผลอย่างมากต่อทิศทางค่าเงินในสัปดาห์ นี้ คือ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่ 18-19 ธ.ค.เพื่อพิจารณากำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ตลอดจนการประชุมคณะ กรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยเช่นกัน

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าในส่วนของเฟดรอบนี้น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยค่อนข้างแน่นอน แต่สิ่งที่ต้องตามต่อคือ ความเห็นจาก ประธานเฟดถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในปีหน้า ขณะที่การประชุม กนง.นั้น ยังมีความเห็นแบ่งเป็นสองฝ่ายคือ ขึ้น และไม่ขึ้นดอกเบี้ย แต่หากรอบนี้ กนง.ขึ้นดอกเบี้ย ก็จะสร้างเซอร์ไพรสให้ตลาดค่อนข้างมาก และส่งผลให้เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้น

"ถ้า กนง.ขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ ก็จะมีผลแรงกว่าการที่เฟดขึ้นดอกเบี้ย เพราะจะเซอร์ไพรสตลาดได้มากกว่า บาทก็คงจะแข็งค่า ขึ้น แต่ทั้งนี้กรณีการประชุม กนง. นักวิเคราะห์ยังมีความเห็นเป็น 2 ฝ่าย คือ ขึ้น และไม่ขึ้น แต่กรณีประชุมเฟด ต่างเชื่อว่ารอบนี้ขึ้นแน่" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.75-32.85 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.34/35 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 113.46/47 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1329/1330 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1305/1309 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,601.48 จุด ลดลง 7.97 จุด (-0.50%) มูลค่าการซื้อขาย 39,757 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 481.09 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.65-33.00 บาทต่อ
ดอลลาร์ ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้อยู่ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยตลาดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 2.25-2.50% ในการ
ประชุมวันที่ 18-19 ธันวาคม จุดสนใจหลักจะอยู่ที่ประมาณการดอกเบี้ย (Dot Plots) ของเฟด รวมถึงการประเมินทิศทางเศรษฐกิจ
สหรัฐฯ และภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว หากเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลงในปี 2562 เงิน
ดอลลาร์อาจอ่อนค่าได้เล็กน้อย
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 19 ธันวาคม จะมีมติ
ไม่เป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 1.75% โดยจะเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 ปี เพื่อดูแลความเสี่ยงด้าน
เสถียรภาพและสร้างขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายในอนาคต ขณะที่แนวโน้มอุปสงค์ในประเทศขยายตัวต่อเนื่อง
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้กลับมาดำเนินการทางตลาดเงิน (Open Market Operations - OMO) ในวันนี้ เพื่อ
เสริมสภาพคล่องในระบบการเงิน หลังจากที่ PBOC ได้งดดำเนินการติดต่อกันถึง 36 วัน โดยระบุว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเป้าหมาย
เพื่อชดเชยผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ เช่น การจ่ายภาษี การออกพันธบัตรรัฐบาล และการชำระอัตราส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์
(RRR) รวมทั้งเพื่อรักษาสภาพคล่องในระบบธนาคารให้อยู่ในระดับที่เพียงพอและเหมาะสม
  • นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 18-19 ธ.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วน
ใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 สำหรับปีนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการส่งสัญญาณ
ของเฟดเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปี 62 ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังจาก
สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อทรงตัวในเดือนพ.ย. และการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดในเดือนพ.ย.
  • นักลงทุนต่างจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ในช่วงการเปิดการประชุมเนื่องในโอกาสฉลอง
ครบรอบ 40 ปีที่จีนภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีเติ้ง เสี่ยวผิง เดินหน้าเปิดกว้างและปฏิรูปประเทศ ซึ่งการประชุมดังกล่าว มี
กำหนดจัดขึ้นในเวลา 10.00 น. วันที่ 18 ธ.ค. ณ กรุงปักกิ่ง
  • รัฐบาลอิตาลี ให้ความเห็นชอบตัวเลขงบประมาณและร่างเนื้อหา ที่เตรียมเสนอต่อสหภาพยุโรป (EU) แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยง
มาตรการลงโทษอันเนื่องมาจากแผนการจัดทำงบประมาณของประเทศ ที่ตั้งเป้าจะเพิ่มตัวเลขขาดดุลงบประมาณในปี 62 โดยก่อนหน้านี้
คณะกรรมาธิการยุโรปได้ปฏิเสธแผนงบประมาณของรัฐบาลอิตาลี เนื่องจากมองว่าไม่สามารถช่วยลดภาระหนี้มหาศาลของประเทศลงได้
และประกาศด้วยว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎด้านการคลังของสหภาพยุโรปอย่างชัดเจน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ