ภาวะตลาดเงินบาท: ปิดตลาด 32.70 ทรงตัวหลังกนง.ขึ้นดอกเบี้ย ลุ้นผล FOMC ต่อ มองกรอบพรุ่งนี้ 32.60-32.80

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 19, 2018 17:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.70 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวใกล้ เคียงกับเปิดตลาดเช้าที่ระดับ 32.70/71 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวัน เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.67-32.71 บาท/ ดอลลาร์

"บาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หลังรู้ผล กนง.ช่วงท้ายตลาดบาทกลับมาทรงตัวนิ่งยาวๆ ที่ระดับ 32.70 บาท/ ดอลลาร์ คาดว่านักลงทุนจะรอดูผลประชุม FOMC คืนนี้" นักบริหารเงิน กล่าว

ส่วนที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในคืนนี้ นักลงทุนคาดว่าจะมีมติ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และรอดูว่าจะส่งสัญญานเรื่องอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าอย่างไรบ้าง

นักบริหารเงิน คาดวันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.60-32.80 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 112.37 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 112.47 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1384 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1380 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,601.12 จุด เพิ่มขึ้น 17.93 จุด, +1.13% มูลค่าการซื้อขาย 45,167.91 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 740.36 ล้านบาท(SET+MAI)
  • ที่ประชุม กนง.ซึ่งเป็นการประชุมนัดสุดท้ายของปีนี้มีมติ 5 ต่อ 2 ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก
1.50% มาที่ 1.75% โดยให้มีผลทันที ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงิน รวมทั้งเพื่อสร้างขีดความสามารถใน
การดำเนินนโยบายการเงินสำหรับอนาคต
  • ที่ประชุม กนง.ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 61 ลงเหลือ 4.2% จาก
เดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือน ก.ย.61 ที่ระดับ 4.4% ส่วนในปี 62 คาดว่าจะเติบโตได้ราว 4.0% จากเดิมคาดไว้ 4.2% เนื่อง
จากมองว่าการลงทุนภาครัฐและการส่งออกจะขยายตัวได้ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้

พร้อมกันนี้ กนง.คาดว่าการส่งออกในปี 61 จะขยายตัว 7.0% จากเดิมคาดไว้ที่ 9.0% และปี 62 จะขยายตัวได้ 3.8% จากเดิมคาดไว้ที่ 4.3% ส่วนการนำเข้าจะขยายตัวได้ที่ 15.3% ในปีนี้ จากเดิม 16.9% และปีหน้าจะขยายตัว 3.8% จาก เดิมคาดไว้ที่ 5.6% ขณะที่การลงทุนภาครัฐในปี 61 คาดว่าจะขยายตัว 4.6% ลดลงจากเดิมคาดไว้ที่ 6.1% และปีหน้าจะขยายตัว ได้ 6.6% จากเดิมคาดไว้ที่ 7.7%

  • ธนาคารกรุงไทย (KTB) คาดการณ์ว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง
1 ครั้ง เป็น 2% ในช่วงครึ่งหลังปี 2562 ซึ่งจะทิ้งช่วงนานจากการปรับขึ้นครั้งนี้ และถือว่าค่อนข้างน้อย เนื่องจากประเมินว่า
เศรษฐกิจไทยในปี 2562 เติบโต 4.1% ลดลงเล็กน้อยจากปีนี้ที่คาดว่าจะโต 4.3% ไม่ได้เป็นการเติบโตร้อนแรง ประกอบกับมี
ความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่เริ่มเห็นการชะลอตัวแล้วตั้งแต่ปลายปีนี้ โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน และ
มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงเพิ่มอีกในช่วงต้นปี 2562 จากสงครามการค้า
  • นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท.ระบุ หากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้มีมติให้
ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น และไม่เป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ
  • ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน พ.ย.61 อยู่ที่ระดับ 93.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 92.6 ใน
เดือน ต.ค.61 โดยเป็นการปรับขึ้นในทุกองค์ประกอบ ได้แก่ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุน
ประกอบการ และผลประกอบการ ทั้งนี้ดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และสูงสุดในรอบ 66 เดือนนับตั้งแต่เดือน มิ.
ย.56
  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดฉากการประชุมซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันแล้วในวันนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่า BOJ
จะคงมาตรการผ่อนคลายการเงินไว้ เนื่องจากเงินเฟ้อของประเทศยังอยู่ที่ระดับต่ำและเศรษฐกิจยังมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
  • ข้อมูลเศรษฐกิจดของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับ
สวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.
ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งสุดท้าย), รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล
เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ