นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.58/59 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียง จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.56/59 บาท/ดอลลาร์
ตลอดทั้งวันเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ แค่ช่วง 32.56-32.60 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากวันนี้ตลาดเงิน ตลาด ทุน และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในฝั่งสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส จึงทำให้การซื้อขายค่อนนข้างเงียบ ประกอบกับเป็นช่วง ใกล้หยุดสิ้นปี การทำธุรกรรมการเงินในช่วงนี้จึงเบาบาง
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทน่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบเช่นเดิม โดยให้กรอบไว้ที่ 32.50-32.65 บาท/ดอลลาร์
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.55/56 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 110.44 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1384/1388 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1409 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,556.93 จุด เพิ่มขึ้น 0.28 จุด (+0.02%) มูลค่าการซื้อขาย 30,612 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 7.03 ลบ.(SET+MAI)
- ที่ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.)
มีความเห็นว่า ระบบการเงินไทยโดยรวมมีเสถียรภาพ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง ธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) และ
ธุรกิจประกันภัยมีเงินกองทุนอยู่ในระดับสูง ขณะที่เสถียรภาพด้านต่างประเทศมีความเข้มแข็ง สะท้อนจากเงินสำรองระหว่างประเทศ
ที่อยู่ในระดับสูง ดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลต่อเนื่อง และภาระหนี้ต่างประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งมีส่วนช่วยรองรับผลกระทบจากความ
ผันผวนในตลาดการเงินโลกในช่วงที่ผ่านมา
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยเดือนพ.ย.61 ได้รับแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ภาย
ในประเทศเป็นสำคัญ โดยการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัว 9.6% ต่อปี สูงสุดในรอบ 4
เดือน และการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์
ขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องที่ 26.9% ต่อปี สำหรับด้านอุปสงค์ภายนอกประเทศจากการส่งออกสินค้ามีสัญญาณทรงตัวเทียบกับปีก่อน
หน้า ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาขยายตัวเป็นบวก
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา คาดแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2562 ยังคงเติบโตต่อเนื่องที่ 4.1% ซึ่งเป็นอัตราใกล้เคียงกับ
4.3% ในปี 2561 และเป็นระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงหลังวิกฤตการเงินโลกที่ 3.8% โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากแรงส่งการเติบโตของ
การบริโภคภาคเอกชนและการเร่งตัวของการลงทุนภาคเอกชนซึ่งจะช่วยชดเชยการชะลอตัวของอุปสงค์จากต่างประเทศ รวมทั้ง ความ
ชัดเจนของนโยบายเศรษฐกิจภายหลังการเลือกตั้งคาดว่าจะสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป
ในปี 2562 เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ พร้อมตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2%
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจของอังกฤษ (CEBR) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ เช่น
จีน อินเดีย และบราซิล น่าจะใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในการเติบโตจนแซงหน้าประเทศกลุ่มพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา
อิตาลี อังกฤษ และฝรั่งเศส เพราะได้รับปัจจัยกดดันจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ พร้อมระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับอุปสรรค
ขัดขวางการเติบโตในระดับที่มากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในรายงานฉบับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากข้อพิพาททางการค้า
ระหว่างสหรัฐกับจีน
- ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้แสดงความเห็นถึงกรณีที่ตลาดหุ้นร่วงลงอย่างหนักในช่วงนี้ว่า เหตุการณ์ดัง
กล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีทิศทางที่ไม่แน่นอน อย่างไรก็ดี ผู้ว่าการ BOJ มั่นใจว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นและอีกหลาย
ประเทศนั้นมีความยืดหยุ่นมากพอที่จะรับมือภาวะตื่นตระหนกได้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ภาคธุรกิจเองก็
ทำกำไรได้มากขึ้น
- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย
ต่อไปในปี 2562 โดยพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจระดับมหภาค อาทิ เศรษฐกิจภายในประเทศและแนวโน้มเงินเฟ้อ ในขณะเดียวกัน
ก็จะจับตาอย่างใกล้ชิดต่อสถานการณ์ที่อาจส่งผลให้เกิดปัญหาความไม่สมดุลทางการเงิน เช่น การเพิ่มขึ้นของหนี้สินภาคครัวเรือน
--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--