นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 32.17 บาท/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่ เปิดตลาดที่ระดับ 32.32 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวระหว่าง 32.03-32.33 บาท/ดอลลาร์
"วันนี้เงินบาทค่อนข้างสวนทางภูมิภาค พอหลุด 32.20 ก็ลงมาแรงเลย...ตรง 32.03 ถือว่าแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 7 เดือน หลักๆ ยังเป็นไปตามแรงซื้อแรงขาย ไม่ได้มีปัจจัยอะไรชี้นำเป็นพิเศษ ซึ่งเวลาวอลุ่มเบาบาง ปริมาณธุรกรรมในตลาดมีน้อย ตลาดก็ จะถูกลากไปลากมาข้างใดข้างหนึ่งมากหน่อย"นักบริหารเงิน ระบุ
สำหรับทิศทางวันพรุ่งนี้ นักบริหารเงินประเมินกรอบความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทระหว่าง 32.10 - 32.25 บาท/ ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.62 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ 107.50 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1369 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ 1.1345 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,560.03 จุด ลดลง 5.91 จุด, -0.38% มูลค่าการซื้อขาย 39,800.93 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,966.92 ลบ.(SET+MAI)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน 24 เดือน และ 36
เดือน ในอัตรา 0.25% ต่อปี สำหรับบุคคลธรรมดาที่มียอดเงินฝากไม่เกิน 5 ล้านบาท ทำให้มีอัตราดอกเบี้ยเงินฝากตั้งแต่ 1.15 -
1.85% ต่อปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำสำหรับบุคคลธรรมดาที่สูงที่สุดในระบบ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำใหม่จะมีผลตั้งแต่
วันที่ 4 ม.ค. 62 เป็นต้นไป
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงกรณีธนาคารพาณิชย์จะยกเลิกสมุดบัญชีเงินฝากว่า ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ทุกแห่ง
ยังให้บริการเงินฝากที่มีสมุดเงินฝากหรือเอกสารการฝากเงินแก่ประชาชนโดยทั่วไป อย่างไรก็ดี หากในอนาคตธนาคารพาณิชย์จะขอยกเลิก
สมุดบัญชีเงินฝากแก่ลูกค้าทุกประเภท ก็ควรมีการหารือกับ ธปท. ก่อน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าธนาคารพาณิชย์มีการให้บริการที่เหมาะสมกับกลุ่ม
ลูกค้า และมีการดูแลภายหลังการขายให้ลูกค้าสามารถดำเนินการต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและได้รับความเป็นธรรม
- ธนาคารกลางจีนได้ตัดสินใจผ่อนคลายกฎระเบียบในการประเมินคุณสมบัติของสถาบันการเงินต่างๆภายในประเทศ เพื่อให้
สถาบันการเงินสามารถปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะสนับสนุน
การระดมเงินทุนเป็นวงกว้าง
- ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐเปิดเผยว่า สถานการณ์ชัตดาวน์อาจยืดเยื้อต่อไปอีกหลายวันหรือหลายสัปดาห์ เนื่องจาก
สภาคองเกรสและประธานาธิบดียังมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันอยู่
- ยูบีเอส ซึ่งเป็นสถาบันการเงินรายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงจนเติบโตเพียง
3.6% ในปีนี้ ลดลงจากปี 2561 ที่เพิ่งผ่านมาซึ่งขยายตัว 3.8% เนื่องจากได้รับปัจจัยกดดันจากการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น
ผลประกอบการซบเซา ประกอบกับปัญหาทางการเมือง