ภาวะตลาดเงินบาท: เช้านี้แข็งค่าแตะ 32.00 จากเปิด 32.18 หลังดอลล์อ่อนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซบเซา

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 4, 2019 09:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.18 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวาน นี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 32.17 บาท/

"วันนี้เงินบาทแข็งค่าค่อนข้างแรง ล่าสุดลงมาอยู่ที่ 32.00 หลังจากดอลลาร์อ่อนค่าเทียบทุกสกุลหลัก น่าจะเป็นผลมาจากตัว เลขเศรษฐกิจสำคัญคือ ISM ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐออกมาแย่กว่าคาด"นักบริหารเงิน ระบุ

สำหรับทิศทางวันนี้ นักบริหารเงินประเมินกรอบความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทระหว่าง 32.00 - 32.25 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ถ้อยแถลงของประธานเฟด และงบประมาณ ของสหรัฐฯ

THAI BAHT FIX 3M (3 ม.ค.62) อยู่ที่ระดับ 1.77761% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.69649%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.88 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 107.62 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1405 ดอลลาร์/เยน จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 1.1369 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.2050 บาท/
ดอลลาร์
  • ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ได้พิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน 24 เดือน
และ 36 เดือน สำหรับวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.25% ต่อปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารกสิกรไทย อยู่ที่
1.15% ถึง 1.85% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2562 เป็นต้นไป เพื่อตอบสนองนโยบายภาครัฐในการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน
โดยเฉพาะผู้ฝากเงินรายย่อย รวมทั้งเป็นการสนับสนุนให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยเป็นไปตามเป้าหมาย
  • สมาคมนักวิเคราะห์ฯเผยผลสำรวจเป้า SET สิ้นปี 62 อยู่ที่ 1,782 จุด รับผลบวกเลือกตั้งในประเทศ ขณะที่ปัจจัยต่าง
ประเทศกดดัน ด้าน บล.ไทยพาณิชย์ เชื่อเศรษฐกิจไทยโตต่อ จากสัญญาณเศรษฐกิจโลกพลิกกลับมาหนุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ เมื่อเศรษฐกิจ
สหรัฐฯ ชะลอตัวลงจากฐานสูงในปี 2561 จากมาตรการลดภาษี ขณะภาพรวมยังแกร่งพอจะหนุน ให้เกิดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เชื่อ
SET Index พุ่งแตะ 2,000 จุด
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากนี้ไป ธปท.จะเน้นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาดำเนินการในด้านต่าง ๆ
มากขึ้น โดยเฉพาะการกำกับสถาบันการเงิน เช่น ใช้เทคโนโลยีช่วยวิเคราะห์ข้อมูล และใช้เทคโนโลยีทางการสื่อสารและอินเทอร์เน็ต
หรือ เทคมายนิ่ง เข้ามาช่วยรายงานการประชุมของคณะกรรมการและผู้บริหารธนาคารในแต่ละครั้ง แทนวิธีการเดิมที่ต้องรออ่านสรุป
รายงานแบบเก่า ทำให้อาจเข้าไม่ถึงเชิงลึกในบางเรื่อง
  • รายงานข่าวจากสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยว่า ในปี 62 นักลงทุนต้องติดตามเรื่องสงครามการค้าอย่างใกล้ชิด
เพราะอาจสร้างความผันผวนในตลาดการเงินได้มาก กว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเชื่อว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
ไม่น่ามีผลกระทบต่อการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยมากนัก จากข้อมูลตราสารหนี้ที่ขึ้นทะเบียนกับสมาคมฯ พบว่าหุ้นกู้เอกชนที่จะครบ
กำหนดอายุไถ่ถอนในปี 62 มีมูลค่ารวมประมาณ 568,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16 % ของมูลค่าคงค้างตลาดหุ้นกู้ซึ่งเท่ากับ 3.5 ล้าน
ล้านบาทในปัจจุบัน ถือว่ามีมูลค่าสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมาเนื่องจากการเติบโตของตลาดตราสารหนี้
  • รัฐมนตรีในรัฐบาลของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ส่งคำเตือนว่า อังกฤษมีแนวโน้มที่จะแยกตัวออกจากสหภาพ
ยุโรป (Brexit) โดยไร้ข้อตกลง หากรัฐสภาคว่ำร่างข้อตกลง Brexit ที่นางเมย์ทำไว้กับสหภาพยุโรป (EU)
  • ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 54.1 ใน
เดือนธ.ค. โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 57.9 หลังจากแตะระดับ 59.3 ในเดือนพ.ย.
  • ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น
271,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. จากระดับ 157,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย.
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ
231,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 220,000 ราย
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส ระบุว่า เฟดควรยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จนกว่าเฟดจะมีภาพที่
ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.)
หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงในเดือนธ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการ
ว่างงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐ
ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นสหรัฐส่งผลให้นักลงทุน
เข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนสัญญาทองคำปิดตลาดใน
แดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2
  • นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาด
การณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.7% ซึ่งเป็นระดับ
ต่ำสุดในรอบ 49 ปี
  • นักลงทุนจับตาการพบปะกันระหว่างนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้ง 2 อดีตประธาน
เฟด ซึ่งได้แก่ นางเจเน็ต เยลเลน และนายเบน เบอร์นันเก้ ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ