ปลัดพลังงาน คาดการผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยกลับเข้าสู่ระดับปกติต้นสัปดาห์หน้า หลังพายุ"ปาบึก"ไม่สร้างความรุนแรงมาก

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 4, 2019 16:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า สถานการณ์การผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยน่าจะกลับเข้าสู่ระดับปกติได้ในวันที่ 7 มกราคม 2562 หลังจากที่พายุโซนร้อน"ปาบึก"ได้พัดผ่านแหล่งผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยแล้วไม่ได้สร้างผลกระทบรุนแรงมากนัก และคาดว่าหลังวันที่ 5 มกราคมนี้ แหล่งผลิตปิโตรเลียมต่าง ๆ ในพื้นที่ภาคใต้ จะสามารถส่งเจ้าหน้าที่ทยอยกลับเข้าไปทำงานได้ตามปกติ และในวันที่ 6 มกราคม จะเริ่มเดินเครื่องผลิตปิโตรเลียมได้อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้แหล่งบงกชได้อพยพเจ้าหน้าที่ออกทั้งหมดและได้หยุดผลิตเป็นการชั่วคราว

"กระทรวงพลังงาน ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตรียมแผนภาคพลังงานให้พร้อมรองรับต่อสถานการณ์ด้วย นอกจากนี้ได้สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงานเข้าไปกำกับดูแลเข้มงวดสถานีบริการน้ำมันต่าง ๆ ในพื้นที่ภาคใต้และพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อไม่ให้มีการกักตุนน้ำมัน ขณะที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้เตรียมสำรองเชื้อเพลิง เช่น น้ำมันเตาและน้ำมันดีเซล ไว้สำรองเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ และปตท. ยังคงดูแลเรื่องของเชื้อเพลิงในพื้นที่ภาคใต้ไม่ให้ขาดแคลน ทั้งน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ รวมถึงเริ่มจัดเตรียมถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วย"นายกุลิศ กล่าว

ก่อนหน้านี้ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท.สผ. ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการในแหล่งบงกช ได้แจ้งการหยุดผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งดังกล่าวเป็นเวลาประมาณ 4-7 วันหลังพายุโซนร้อน"ปาบึก"พัดเข้าอ่าวไทย พร้อมกับได้อพยพเจ้าหน้าที่ที่อยู่ประจำแท่นผลิตต่าง ๆ ในอ่าวไทยจำนวนหนึ่งกลับขึ้นสู่ฝั่ง ซึ่งการหยุดผลิตของแหล่งบงกชดังกล่าว ส่งผลให้ปริมาณก๊าซธรรมชาติลดลงไปราว 600 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของการผลิตก๊าซธรรมชาติของไทย

ด้านนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท. มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์พายุโซนร้อน"ปาบึก"พัดเข้าอ่าวไทย จึงเร่งมอบความช่วยเหลือเบื้องต้นด้วยการเตรียมความพร้อมจัดถุงยังชีพจำนวน 6,000 ถุง โดยได้ส่งมอบถุงยังชีพไปยังคลังปิโตรเลียมสุราษฎร์ธานี คลังปิโตรเลียมสงขลา และพื้นที่ปฏิบัติการของ PTTEP ใน จ.สงขลา แล้วจำนวน 2,000 ถุง และได้จัดสิ่งของเพิ่มเติมเพื่อทยอยส่งเพิ่มเติมไปยังคลังปิโตรเลียมสุราษฎร์ธานี คลังปิโตรเลียมสงขลา และศูนย์ปฏิบัติการระบบท่อเขต 7 จังหวัดสงขลา ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางกระจายความช่วยเหลือต่อไป

นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท. โดยบมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) ได้เตรียมพร้อมสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงในทุกสถานีบริการ เพื่อป้องกันการขาดแคลน และพร้อมให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึง สำหรับการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ปตท. ดำเนินการส่งก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จาก สถานีรับ-จ่ายก๊าซธรมชาติเหลว อ.มาบตาพุด จ.ระยอง เต็มที่ เพื่อทดแทนปริมาณก๊าซที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งมีแผนนำเข้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ และจัดตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์เพื่อประสานงานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกระทรวงพลังงานอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้ปัจจุบันยังไม่มีผลกระทบต่อการใช้ก๊าซของภาคไฟฟ้า ภาคขนส่ง และภาคอุตสาหกรรม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ