ภาวะตลาดเงินบาท: บาทปิด 31.87/92 แกว่งแคบ จับตามติรัฐสภาอังกฤษกรณี Brexit คาดกรอบพรุ่งนี้ 31.82-32.08

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 15, 2019 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 31.87/92 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่เปิด ตลาดระดับ 31.85/86 บาท/ดอลลาร์

ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ที่ 31.82-31.92 บาท/ดอลลาร์ และมีบางช่วงที่ swing ไปตามค่าเงิน ปอนด์ เนื่องจากขณะนี้ตลาดจับตาผลการลงมติของรัฐสภาอังกฤษในคืนนี้ว่าจะสนับสนุนร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพ ยุโรป (Brexit) หรือไม่

"ต้องรอผลคืนนี้ว่ามติจะออกมาอย่างไร เพราะหากผลออกมาว่ารัฐสภาอังกฤษลงมติไม่ผ่านร่างดังกล่าว ก็ต้องไปดูที่ผลคะแนน ด้วย ถ้าผลคะแนนที่ลงมติไม่ผ่านสูงกว่าค่อนข้างมาก ก็อาจจะทำให้เงินปอนด์ร่วงลงมา ดอลลาร์สหรัฐก็จะแข็งค่าขึ้น" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.82-32.08 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 108.49 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 108.40/43 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1423/1444 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1486/1487 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,577.00 จุด ลดลง 5.57 จุด (-0.35%) มูลค่าการซื้อขาย 37,957 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,589.98 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผย Krungthai Macro Research คาดเศรษฐกิจไทยปี 62 จะเติบโตราว 4.1%
ชะลอตัวลงเล็กน้อยจาก 4.3% ในปีก่อน โดยปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้เปลี่ยนจากการส่งออกและการท่องเที่ยว มาเป็นการลง
ทุนเอกชนและภาครัฐที่คาดว่าจะขยายตัวเร่งขึ้นในช่วงหลังของปี จากโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการระเบียงเศรษฐกิจ
พิเศษภาคตะวันออก (EEC) นอกจากนี้ มาตรการดูแลเศรษฐกิจฐานรากของภาครัฐจะช่วยเสริมกำลังซื้อของภาคครัวเรือนด้วย
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2562 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องที่ 4.1% โดยการใช้จ่ายภาย
ในประเทศจะมีความสำคัญมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น ผนวกกับมาตรการเร่ง
รัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP fast track) และการเดินหน้าลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
รวมทั้งการบริโภคภาคเอกชนที่คาดว่าจะมีแรงส่งต่อเนื่องตามการกระเตื้องของรายได้ภาคเกษตร รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างและการ
จ้างงานนอกภาคเกษตร
  • นักลงทุนจับตารัฐสภาอังกฤษลงมติร่างข้อตกลง Brexit ในวันนี้ เวลา 20.00-21.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือเช้ามืด
วันพุธเวลา 03.00-04.00 น.ตามเวลาไทย ทั้งนี้ การลงมติดังกล่าวจะเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตการเมืองของนางเทเรซา เม
ย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งต้องการผลักดันให้ร่างข้อตกลง Brexit ฉบับนี้ผ่านการอนุมัติในรัฐสภา หลังจากที่ได้เลื่อนการลงมติมาแล้วครั้ง
หนึ่งจากเดิมที่มีกำหนดในวันที่ 11 ธ.ค.61
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า ยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพในปี 61 โดยยอดปล่อยกู้
ใหม่สกุลเงินหยวนในปี 61 อยู่ที่ 16.17 ล้านล้านหยวน หรือ 2.39 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าปี 60 อยู่ 2.64 ล้านล้านหยวน ขณะที่
ภาคการเงินได้เพิ่มการดำเนินการเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจที่แท้จริง โดยเฉพาะบรรดาบริษัทขนาดเล็ก
  • แถลงการณ์จากรัฐบาลจีนระบุว่า ทางการจีนจะเดินหน้าปรับลดภาษี โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและภาคการผลิต รวม
ถึงออกมาตรการที่เอื้อประโยชน์ต่อภาคธุรกิจในปี 62 เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน จีนจะหลีกเลี่ยงการอัดฉีดสภาพ
คล่องที่สูงเกินไป และจะพยายามรักษาอัตราส่วนโครงสร้างทางการเงินให้มีเสถียรภาพ โดยธนาคารกลางจีนจะพยายามปรับปรุงการ
เปลี่ยนผ่านทางด้านนโยบาย และลดต้นทุนทางการเงิน
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ดัชนี

ภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนม.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนธ.ค.,

ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคาร

กลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, การผลิตภาค

อุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ