สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังเดือน ธ.ค.61 และไตรมาส 4/61 ว่า เศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยไตรมาสสุดท้ายของปี 61 ขยายตัว 3.3% แม้ว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจประจำเดือน ธ.ค.61 จะมีสัญญาณชะลอตัวอยู่บ้าง ซึ่งเป็นผลจากการส่งออกสินค้าที่หดตัวจากภาวะเศรษฐกิจโลก แต่การใช้จ่ายภายในประเทศยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปรับตัวดีขึ้นของรายได้เกษตรกรในช่วงปลายปี 61 บวกกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังขยายตัวเร่งขึ้นในไตรมาสสุดท้าย ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
ส่วนเสถียรภาพเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกยังอยู่ในเกณฑ์ดี และรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สศค.ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนในเดือนสุดท้ายและไตรมาสสุดท้ายของปี 61 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ในเดือน ธ.ค.61 ขยายตัวที่ 4.8% ต่อปีสูงสุดในรอบ 13 เดือน โดยเป็นการขยายตัวจากในเขตภูมิภาค 7.5% ต่อปี ขณะที่ในเขต กทม.หดตัว 3.5% ต่อปี และทำให้ในไตรมาส 4/61 ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่หดตัว 0.2% ต่อปี
ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัว 0.9% ต่อปี ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า ทำให้ในไตรมาส 4/61 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัว 5.8% ต่อปี ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง หดตัว 2.7% ต่อปี ภาพรวมในไตรมาส 4/61 ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งขยายตัว 6.8% ต่อปี
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ระดับ 66.3 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า โดยมีปัจจัยลบจากภาคการส่งออกที่หดตัว อย่างไรก็ดี ยังคงมีปัจจัยบวกได้แก่ ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลง มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐทั้ง ช็อปช่วยชาติ เที่ยวเพื่อชาติ และเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย
ด้านเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน ในเดือน ธ.ค.61 ขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งจากการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร และการลงทุนในหมวดก่อสร้าง ทำให้ในไตรมาส 4/61 ขยายตัวได้ดี โดยการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ขยายตัวชะลอลงจากเดือนก่อนเล็กน้อยที่ระดับ 16.5% ต่อปี ทำให้ไตรมาส 4/61 ปริมาณจำหน่วยรถยนต์เชิงพาณิชย์ขยายตัว 24.9% ต่อปี สอดคล้องกับยอดจำหน่ายรถกระบะขนาด 1 ตัน ที่ขยายตัว 16.4% ต่อปี
การลงทุนในหมวดก่อสร้าง ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ หดตัวที่ 1.4% ต่อปี นับเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.พ.61 ทำให้ไตรมาส 4/61 ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศขยายตัวที่ 5.6% ต่อปี อย่างไรก็ดี ภาษีการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ยังคงขยายตัวที่ 10.5% ต่อปี ทำให้ในไตรมาส 4/61 ภาษีธุรกรรมอสังหาฯ ขยายตัว 9.4% นอกจากนี้ สำหรับดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง อยู่ที่ระดับ 107.2 คิดเป็นการขยายตัว 0.5% ต่อปี จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาหมวดกระเบื้องสูงขึ้น 3.5% ต่อปี ทำให้ไตรมาส 4/61 ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างขยายตัว 1.0% ต่อปี
อุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกสินค้าช่วงท้ายปียังคงส่งสัญญาณชะลอตัว โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าในเดือน ธ.ค.61 มีมูลค่า 19.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว 1.72% ต่อปี อย่างไรก็ดี การส่งออกในตลาดสำคัญ อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และ อาเซียน ยังคงขยายตัว สำหรับมูลค่าการนำเข้าสินค้ามีมูลค่า 18.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าในเดือน ธ.ค.61 กลับมาเกินดุลจำนวน 1,065 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ในไตรมาส 4/61 การส่งออกมีมูลค่า 62.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 2.0% ต่อปี
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทานได้รับแรงสนับสนุนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรและสถานการณ์การท่องเที่ยวเป็นสำคัญ โดยดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ขยายตัว 3.1% ต่อปี จากหมวดพืชผลสำคัญและหมวดประมงที่ขยายตัว 5.5% และ 2.0% ต่อปีตามลำดับ ส่งผลให้ไตรมาส 4/61 ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรหดตัวเล็กน้อยที่ -0.1% ต่อปี
นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยมีจำนวน 3.8 ล้านคน ขยายตัว 7.7% ต่อปี ทำให้ในไตรมาส 4/61 ขยายตัว 4.3% ต่อปี จากการขยายตัวของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย เป็นสำคัญ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวประเทศอื่นยังคงขยายตัวได้ดี ได้แก่ นักท่องเที่ยวชาวจีนที่กลับมาขยายตัวเป็นบวก ประกอบกับนักท่องเที่ยวชาวฟิลิปปินส์ และอินเดียยังคงขยายตัวต่อเนื่อง สำหรับรายได้จากการท่องเที่ยวต่างประเทศในเดือน ธ.ค.61 มีมูลค่า 204.0 พันล้านบาท ขยายตัว 8.3% ต่อปี
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) อยู่ที่ระดับ 93.2 เป็นการปรับลดลงโดยมีสาเหตุมาจากการเร่งผลิตสินค้าในเดือนพฤศจิกายนเพื่อชดเชยก่อนวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมถึงความกังวลของผู้ประกอบการต่อการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ส่งผลให้ ไตรมาส 4/61 ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) อยู่ที่ระดับ 93.3
ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี และเสถียรภาพภายนอกอยู่ในระดับที่มั่นคง สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.4% ต่อปี ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า ตามการลดลงของราคาพลังงาน และการชะลอตัวของราคาอาหารสด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัวอยู่ที่ 0.7% ต่อปี ทำให้ในไตรมาส 4/61 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.8% และ 0.7% ตามลำดับ สำหรับอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำที่ 0.9% ของกำลังแรงงานรวม ปรับตัวต่ำสุดในรอบ 24 เดือน หรือคิดเป็นผู้ว่างงาน 3.5 แสนคน และไตรมาส 4/61 อัตราว่างงานอยู่ที่ 1.0% ของกำลังแรงงานทั้งหมด ตามลำดับ
ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือน พ.ย.61 อยู่ที่ 41.8% ต่อ GDP ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งเพดานไว้ไม่เกิน 60% ต่อ GDP เสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ เดือน ธ.ค.61 อยู่ที่ระดับ 205.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้น 3.2 เท่า