"ฮาบิแทท กรุ๊ป"วางเป้าปี 62 ดันรายได้แตะพันลบ.ยอดขายโต 50% เปิด 5 โครงการใหม่ในกทม.-พัทยา พร้อมเพิ่มรายได้ประจำ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 29, 2019 17:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 62 ยังคงเป็นปีแห่งการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนขยายการพัฒนาโครงการ โดยตั้งเป้ายอดขาย 3 พันล้านบาท เติบโต 50% จากแผนการเปิดโครงการใหม่ 5 โครงการ รวมค่ารวมกว่า 8 พันล้านบาท พร้อมคาดหวังสร้างรายได้แตะ 1 พันล้านบาท

แผนการพัฒนาโครงการใหม่ยังคงเน้นทำเลศักยภาพ ได้แก่ กรุงเทพฯในโซนธุรกิจ (CBD) ตามแนวรถไฟฟ้า โดยจะมีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ Walden สุขุมวิท 31 มูลค่าโครงการ 750 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดขายในช่วงไตรมาส 2/62 โครงการ Walden ทองหล่อ 8 มูลค่า 1.4 พันล้านบาท และโครงการ Walden ทองหล่อ 13 มูลค่า 1.2 พันล้านบาท

พร้อมกันนั้นยังมีแผนเปิดโครงการใหม่ในเมืองพัทยา 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ RAMADA BY Wynham Mira North point มูลค่า 2.5 พันล้านบาท และมีอีก 1 โครงการที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลังเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูง โดยจะเดินหน้าพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าเพื่อซื้อลงทุน

แม้ว่าปัจจุบันภาคอสังหาริมทรัพย์จะเผชิญกับปัจจัยกดดันจบกการควบคุมเกณฑ์การให้สินเชื่อ (LTV) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และการชะลอตัวของตลาดกลุ่มลูกค้าชาวจีน ทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 62 อาจมีการหดตัว แต่บริษัทยังเชื่อว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้ผลตอบแทนทั้งส่วนที่เป็นค่าเช่าและส่วนต่างมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น (Capital gain) หากลงทุนในทำเลที่ถูกที่และจังหวะที่ดี ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนในตลาดหุ้น พันธบัตร และกองทุนรวมที่มีความผันผวน และสามารถมีผลตอบแทนติดลบได้

สำหรับกลยุทธ์การขายของบริษัทจะกระจายไปสู่กลุ่มลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น พร้อมกับมองหาโอกาสขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่บริษัทจะต้องมองหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆเพื่อมาทดแทนกลุ่มลูกค้าชาวจีนและฮ่องกงที่เกิดการชะลอตัว จากปัจจัยสงครามการค้าและค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลง ทำให้บริษัทชะลอการขายในกลุ่มลูกค้าต่างชาติไปในช่วงที่ผ่านมา และหลังช่วงตรุษจีนของปีนี้จะกลับมาทำตลาดอีกครั้ง ทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมและขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เช่น สิงคโปร์ ไต้หวัน กัมพูชา เมียนมาร์ และเวียดนาม เป็นต้น

ด้านรายได้ของบริษัทในปี 62 จะมาจากการโอนโครงการ X2 Pattaya Oceanphere ยอดขาย 70% ที่เริ่มโอนในไตรมาส 1/62 และโครงการ Best Western Premeir Bayphere Pattaya มียอดขาย 100% เริ่มโอนในไตรมาส 2/62 ทั้ง 2 โครงการมีมูลค่ารวม 1.4-1.5 พันล้านบาท เป็น 2 โครงการหลักที่จะสร้างรายได้ให้กับบริษัทในปีนี้ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 3.45 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปถึงปี 63

นายชนินทร์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของยูนิตที่ยังไม่สามารถขายได้บริษัทจะนำไปสร้างรายได้ประจำในรูปแบบการให้เช่าทั้งโครงการในกรุงเทพฯและพัทยา จากปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้ประจำอยู่ที่ 10% ของรายได้รวม ซึ่งตั้งเป้าภายใน 3 ปีจะมีสัดส่วนรายได้ประจำเพิ่มเป็น 30% โดยขณะนี้มีจำนวนโรงแรมที่เปิดให้บริการแล้ว 2 แห่ง คือ The Ville Jomtien และ X2 Vibe Pattaya Sephere ส่วนในปี 62 จะมี 2 แห่ง คือ X2 Pattaya Oceanphere Best Western Premeir และ Bayphere Pattaya ทำให้ในสิ้นปีนี้จะมีโรงแรมรวมทั้งสิ้น 4 แห่ง และใน 3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 10 แห่ง เป็นปัจจัยหลักที่จะผลักดันให้สัดส่วนรายได้ประจำของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมาย


แท็ก พัทยา  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ