คลัง ยันกู้เงินโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน จะใช้แหล่งเงินกู้ในปท.เป็นหลัก พร้อมคำนึงวินัยการคลัง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 31, 2019 10:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นข้อวิจารณ์การกู้เงินจากจีน สำหรับโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา)

โดยสบน. ขอชี้แจงว่า การดำเนินโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร – หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา) ได้ผ่านการวิเคราะห์จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แล้วว่าจะเกิดผลตอบแทนทางเศรษฐกิจจากการดำเนินโครงการ รวมถึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ในด้านลดต้นทุนค่าขนส่ง สนับสนุนกระจายความเจริญและรายได้ไปสู่ภูมิภาค ตลอดจนเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่ง (Logistics Hub) ของภูมิภาคอาเซียนในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

อย่างไรก็ดี สำหรับข้อกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินและขีดความสามารถในการชำระหนี้เงินกู้ของประเทศไทย ขอชี้แจงว่า โครงการฯ มีแหล่งเงินทุนจากหลายแหล่ง โดยจะใช้แหล่งเงินทุนในประเทศเป็นหลัก ประมาณ 80% ของวงเงินรวมโครงการ และจะใช้เงินกู้ต่างประเทศสำหรับรายการที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศและใช้จ่ายเป็นเงินตราต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งคิดเป็นเพียง 20% ของวงเงินโครงการ ในการนี้ กระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสม ที่มีเงื่อนไขเงินกู้ที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับแหล่งเงินกู้ในประเทศ เช่น มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และอายุเงินกู้ยาว รวมทั้งไม่มีเงื่อนไขผูกมัดใดๆ ที่ทำให้ประเทศไทยต้องเสียเปรียบ

ทั้งนี้ ในการกู้เงินสำหรับลงทุนในโครงการพัฒนา กระทรวงการคลังได้คำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของประเทศ และกรอบการบริหารหนี้สาธารณะภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2561 และพ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นต้น นอกจากนี้ หากพิจารณาประเด็นทุนสำรองระหว่างประเทศ พบว่าปัจจุบันยังมีระดับสูง โดย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2561 มีจำนวน 203,153.03 ล้านเหรียญสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ