นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.39/41 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ ปิดตลาดที่ระดับ 31.38/40 บาท/ดอลลาร์
"คาดว่าวันนี้เงินบาทคงจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ๆ ขณะที่ตลาดยังคงรอดูผลการเจรจาการค้า ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ในวันที่ 14-15 ก.พ.นี้ และ Government Shutdown ของสหรัฐฯ ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยการ เมืองในประเทศที่ยังต้องรอดูความเคลื่อนไหวแม้ว่าจะเริ่มนิ่งๆแล้วก็ตาม" นักบริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้จะอยู่ระหว่าง 31.30-31.50 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 6M (11 ก.พ.) อยู่ที่ระดับ 1.76312%
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.20/60 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 110.24/27 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.125/13 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 1.1304/1306 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.4220 บาท/ดอลลาร์
- รมว.คลัง ได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง เพื่อติดตามผลงานพร้อมมอบนโยบายให้หน่วยงานใน
สังกัด เร่งทำหน้าที่สนับสนุนเศรษฐกิจในช่วงก่อนและหลังการเลือกตั้ง ให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจปีนี้ชะลอตัวและเติบ
โตได้ไม่ต่ำกว่า 4% ตามเป้าหมายที่กระทรวงการคลังตั้งไว้
- ธนาคารทหารไทยจ่อถกบอร์ดโค้งสุดท้ายควบรวมธนาคารธนชาต ลุ้นเซ็นเอ็มโอยูเดือน ก.พ. คลังหวั่นใส่เงินเพิ่มทุนอ่อน
ไหว เป้าโจมตีการเมือง
- นักลงทุนต่างชาติตื่นการเมืองไทย ค่าความเสี่ยงพันธบัตรพุ่งสูงสุดรอบ 3 เดือน ซ้ำเงินบาทอ่อนสวนทางตลาด
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สศค.อยู่ระหว่างปรับปรุงหลักเกณฑ์การลงทะเบียนผู้
มีรายได้น้อยเพื่อขอรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) รอบใหม่ เพื่อให้ข้อมูลการลงทะเบียนมีความถูกต้องยิ่งขึ้น เนื่องจาก สศค.ได้ลง
พื้นที่และประเมินสถานการณ์รายได้ของผู้ถือบัตร พบว่า ผู้ที่ถือบัตรบางรายมีรายได้เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด และบางรายไม่ได้รับบัตร ทั้งๆ ที่
เป็นผู้มีรายได้น้อยจริง
- ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทยกล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกไทยปีนี้ ยังน่าห่วง แนวโน้มจะซึมยาวจากกำลังซื้อผู้
บริโภคกลุ่มฐานระดับกลางลงล่างซึม กลุ่มฐานกลางขึ้นบนทรงตัว ส่งผลให้ภาคค้าปลีกเสี่ยงกับความไม่ชัดเจน ขณะที่การเลือกตั้งที่จะมีเงิน
สะพัด 50,000 ล้านบาท ทำให้ครึ่งปีแรกจะมีเงินสะพัดประมาณ 60,000 ล้านบาท ถือว่าค่อนข้างน้อย
- ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) คาดว่าการท่องเที่ยวช่วงไตรมาส 1/62 จะเติบโตจาก
ช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 7% ทั้งจำนวนและรายได้ ขณะที่ทั้งปี 62 คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 40-41 ล้านคน
รายได้จากการท่องเที่ยวจะเติบโต 10% หรือประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท โดยอันดับ 1 ยังคงเป็นนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งขณะนี้สถานการณ์กลับ
มาสู่ปกติแล้ว
- สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า GDP ของสหราชอาณาจักรขยายตัว 1.4% ในปี 2561 ซึ่งเป็นระดับต่ำ
สุดนับตั้งแต่ปี 2555 และลดลงจากระดับ 1.8% ในปี 2560
- เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) หลัง
จากมีรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหราชอาณาจักรขยายตัวที่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี ส่วนสกุลเงินดอลลาร์
แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด
- นักวิเคราะห์จากอีสต์สปริง อินเวสเมนท์ กล่าวว่า ตลาดเกิดใหม่จะสามารถดีดตัวขึ้นในปีนี้ จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ
(เฟด) ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยระบุว่าจะใช้ความอดทนต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) โดยได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับ
สกุลเงินหลักๆ นอกจากนี้ การที่ดัชนี Nasdaq และS&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวกเมื่อคืนนี้ ยังส่งผลให้นักลงทุนลด
การถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
- นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน นาย
โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR) และสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ จะจัดประชุมเพื่อเจรจาการค้าร่วมกันที่กรุง
ปักกิ่งในวันที่ 14-15 ก.พ.นี้
- เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว เปิดเผยว่า อาจมีการเลื่อนกำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและ
จีนที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มี.ค. ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนจะมีการเจรจาการค้าในวันที่ 14-15 ก.พ. ซึ่งถ้าการเจรจาการค้ามีความคืบ
หน้าอย่างมากในสัปดาห์นี้ ก็อาจจะเลื่อนกำหนดเส้นตายออกไป
- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสัปดาห์นี้ ได้แก่ ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนม.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่ง
ชาติสหรัฐ (NFIB), ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนธ.ค., อัตราเงินเฟ้อเดือนม.
ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาค
ธุรกิจเดือนพ.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.พ.จาก
เฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--