ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.32/36 อ่อนค่าหลังยอดส่งออกติดลบต่อเนื่อง คาดกรอบบาทสัปดาห์หน้า 31.22-31.50

ข่าวเศรษฐกิจ Friday February 22, 2019 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.32/36 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า
จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.21 บาท/ดอลลาร์

เย็นนี้เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าจากในช่วงเช้า ภายหลังจากกระทรวงพาณิชย์รายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศเดือน ม.ค.62 พบว่ามูลค่าการส่งออกลดลง 5.65% โดยการส่งออกยังติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3

"บาทวันนี้อ่อนค่าไปพอสมควร เป็นเพราะตัวเลขส่งออกเดือนม.ค. ออกมาผิดไปจากที่ตลาดคาดไว้" นักบริหารเงิน
ระบุ

อย่างไรก็ดี เงินบาทในสัปดาห์หน้ายังมีทิศทางที่จะอ่อนค่าได้ต่อ โดยตลาดยังคงจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงความชัดเจนในเรื่องการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit)

นักบริหารเงิน คาดว่า สัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.22 - 31.50 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.80/85 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 110.74 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1338/1342 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1338 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,659.20 จุด เพิ่มขึ้น 11.88 จุด (+0.72%) มูลค่าการซื้อขาย 50,800 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 3,261.91 ลบ.(SET+MAI)
  • กระทรวงพาณิชย์ รายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ม.ค.62 การส่งออก มีมูลค่า
18,993.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 5.65% ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 23,026.3 ล้าน
เหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 13.99% ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 4,032 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

โดยการส่งออกที่ติดลบเนื่องจากแรงกดดันจากภาวะการค้าโลกที่ชะลอตัว และอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าชะงักงัน ซึ่งส่วน หนึ่งเป็นผลจากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อทำให้เกิดการชะลอคำสั่งซื้อ นอกจากนี้ยังเป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง เงินบาทแข็งค่า และมูลค่าการส่งออกทองคำ และรถยนต์ปรับตัวลดลง

  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินในไตรมาส 4/2561 โดยยืนยันที่
จะพัฒนาและปรับปรุงกฏระเบียบด้านการเงินเพื่อรองรับเศรษฐกิจที่แท้จริง ป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน และสนับสนุนการปฏิรูป
ระบบการเงินเชิงลึก พร้อมระบุว่า ยังคงมีโอกาสอย่างมากที่จะปรับนโยบายการเงิน และยังไม่จำเป็นที่จะซื้อสินทรัพย์จำนวนมาก
อาทิ พันธบัตรกระทรวงการคลัง และดำเนินนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
  • สำนักงานสถิติของเยอรมนี เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนีในไตรมาส 4/61
ยังทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/61 ขณะที่ยอดการส่งออกและนำเข้าของเยอรมนีต่างขยายตัว 0.7% ส่งผลให้การค้าสุทธิไม่ได้มี
ส่วนช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสดังกล่าวเท่าที่ควร

พร้อมกันนี้ รัฐบาลเยอรมนีได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ในปี 2562 สู่ระดับ 1.0% จากเดิมที่ระดับ 1.8% อันเนื่องจาก การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ดำเนินการตามข้อตกลง reverse repo ประเภทอายุ 7 วัน วงเงิน 4 หมื่นล้าน
หยวน (ประมาณ 5.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่อัตราดอกเบี้ย 2.55% ทั้งนี้ PBOC ยังคงเดินหน้าอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด
เงิน ผ่านการดำเนินการข้อตกลง reverse repo ในวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาสภาพคล่องในระบบธนาคารให้อยู่ในระดับที่สม
เหตุสมผลและเพียงพอ
  • สัปดาห์หน้าติดตามการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตร

มาส 4/2561, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จาก Conference Board, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอด

ทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เดือนม.ค.เป็นต้น ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหภาพยุโรป (EU) ที่จะรายงานในสัปดาห์หน้า

เช่น ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ., ความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนก.พ. เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ