นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย เสนอให้รัฐบาลใหม่ใช้ทั้งมาตรการการเงินและการคลังเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัว โดยการพิจารณาระดับอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม และการอัดฉีดเม็ดเงินงบประมาณเพิ่มอีก 8 หมื่นล้านบาทเพื่อกระตุ้นการบริโภค เม็ดเงินดังกล่าวมาจากการเพิ่มวงเงินการขาดดุลงบประมาณประจำปี 51 ซึ่งยังอยู่ในกรอบมาตรฐานการก่อหนี้สาธารณะไม่เกิน 3% ของจีดีพี โดยควรจะนำเงิน 4 หมื่นล้านบาทไปใช้ลดภาษีเงินได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยเพื่อเพิ่มกำลังซื้อ และการชดเชยภาษีให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs เพื่อส่งเสริมการลงทุน ส่วนอีก 4 หมื่นล้านบาทไปใช้ในการลงทุนโครงการสาธารณูปโภคในภูมิภาคต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดการจ้างงาน นายประมนต์ กล่าวในการสัมมนา"รัฐบาลใหม่ต้องทำอะไร...ต่อไป?"ว่า สิ่งสำคัญที่รัฐบาลใหม่ต้องทำคือการสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในประเทศ เพราะในช่วงที่ผ่านมาการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวเพิ่มขึ้นน้อยมาก ส่วนการลงทุนจากต่างประเทศนั้น ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติมีแนวโน้มที่จะกลับเข้ามาลงทุนในไทยอีกครั้งหลังจากสถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศอยู่ในสภาพซบเซา ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวย่อมส่งผลกระทบต่อไทย โดยเฉพาะการส่งออกเนื่องจากเป็นตลาดสำคัญถึง 1 ใน 4 ของการส่งออกทั้งหมดของไทย ดังนั้นทฤษฎีที่คิดว่าเอเซียมีความแข็งแกร่งเพียงพอแล้วจึงไม่เป็นความจริง ตัวเลขการส่งออกในปีนี้คงไม่น่าจะดีเหมือนปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ รัฐบาลใหม่ควรเร่งส่งเสริมการค้าและการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อสร้างรายได้ เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ