(เพิ่มเติม) สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ม.ค. ขยายตัว 0.18%, ปรับปีฐานการคำนวณ-เพิ่มกลุ่มย่อยให้สะท้อนโครงสร้างอุตฯมากขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 26, 2019 12:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในเดือน ม.ค. 62 อยู่ที่ 107.99 ขยายตัว 0.18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตราการใช้กำลังการผลิต อยู่ที่ 70.47% โดยมีอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลต่อ MPI ได้แก่ ยานยนต์, เครื่องปรับอากาศ และน้ำตาล ที่ยังขยายตัวต่อเนื่อง

"ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนแรกปี 2562 ขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่ 0.18% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน ส่งสัญญาณให้เห็นถึงความมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยที่ยังคงขยายตัว" นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าว

สำหรับอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวกต่อ MPI เดือนมกราคม 2562 ได้แก่ รถยนต์ เพิ่มขึ้น 8.69% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรถปิคอัพ 1 ตัน รถยนต์นั่งขนาดกลาง และรถยนต์ขนาดเล็ก ตามการขยายตัวของตลาดในประเทศเป็นหลัก โดยเป็นผลจากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายของผู้ผลิต

เครื่องปรับอากาศ เพิ่มขึ้น 15.94% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก และประหยัดพลังงาน โดยขยายตัวทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ตลาดในประเทศขยายตัวถึง 23.81% และส่งออกขยายตัว 9.98% ซึ่งเป็นผลจากการขยายตลาดในประเทศอิรัก เวียดนาม และอินโดนีเซีย

น้ำตาล เพิ่มขึ้น 3.56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากน้ำตาลทรายดิบ และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ โดยมีสาเหตุจากโรงงานทุกแห่งต้องเร่งผลิตให้ทันกับปริมาณอ้อยที่เข้าหีบ

น้ำมันปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 1.59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากน้ำมันเครื่องบิน แก๊สโซฮอล์ 95 และน้ำมันเบนซิน 95 ที่เกิดการใช้งานเพิ่มขึ้นตามการท่องเที่ยวที่ขยายตัว

ยา เพิ่มขึ้น 9.51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์ประเภทยาเม็ด ยาน้ำ ยาแคปซูล และยาครีม เนื่องจากมีการเร่งผลิตเพื่อรักษาระดับสต็อกของผู้ผลิต ได้แก่ ยาธาตุน้ำขาว ยาแก้ไอ ยาลดไข้สำหรับเด็ก เป็นต้น

นอกจากนี้ สศอ. ได้ปรับปรุงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ปี 2562 ให้ครอบคลุมสำมะโนอุตสาหกรรมจากเดิม 61.50% เพิ่มขึ้นเป็น 64.20% โดยได้เพิ่มกลุ่มอุตสาหกรรมย่อยจาก 65 กลุ่ม (231 ผลิตภัณฑ์) เป็น 68 กลุ่ม (255 ผลิตภัณฑ์) พร้อมเปลี่ยนปีฐานการคำนวณจากปี 2554 มาเป็นปี 2559 เพื่อให้มีความครอบคลุมและสะท้อนกับโครงสร้างอุตสาหกรรมในปัจจุบันมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ