(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 31.72 แข็งค่าจากแรงขายดอลล์ หลังผิดหวังตัวเลขศก.สหรัฐฯ มองกรอบวันนี้ 31.70-31.80

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 11, 2019 15:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 31.72 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ปิดตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 31.76 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากมีแรงเทขายดอลลาร์หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของ สหรัฐออกมาแย่กว่าคาด ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลดลง

"บาทแข็งค่าจากช่วงท้ายตลาดเมื่อเย็นวันศุกร์ เนื่องจากมีแรงเทขายดอลลาร์ หลังตัวเลข non-farm ออกมาแย่กว่า คาด บอนด์ยีลด์ปรับตัวลดลง" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 31.70 - 31.80 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 6M (8 มี.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.76806%

SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 31.7017 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ 110.94 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 111.10 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1228 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1215 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.8120 บาท/ดอลลาร์
  • ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทเงินบาทสัปดาห์นี้ (11-15 มี.ค.) ที่ 31.60-32.00 บาทต่อ
ดอลลาร์ฯ โดยต้องจับตากระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายของนักลงทุนต่างชาติ และปัจจัยการเมืองในประเทศ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ
ได้แก่ การพิจารณาข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษโดย
รัฐสภาอังกฤษ ความคืบหน้าของการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ข้อมูลเงินทุน ไหลเข้าสุทธิสู่ตลาดการเงินสหรัฐฯ เดือนม.ค. ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคานำเข้า-ส่งออก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนก.พ. ผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.

  • กรมธุรกิจพลังงานเผยยอดใช้น้ำมันเดือนมกราคม 2562 เพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการปรับเพิ่มขึ้น
ของน้ำมัน หลักๆ ได้แก่ กลุ่มดีเซล 4.18% กลุ่มเบนซิน 3.69% น้ำมันอากาศยาน 3.23% จากทิศทางเศรษฐกิจในประเทศที่ยังเติบโตโดย
เฉพาะจากภาคการท่องเที่ยว
  • ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้ผ่านความเห็นชอบจาก สนช. แล้ว
จากนี้ต้องรอประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา สำหรับภาคธนาคารได้เตรียมการ ปรับปรุงหลักปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของ
ยุโรป (GDPR) ซึ่งสอดคล้องกันพอดีกับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลฉบับนี้อยู่แล้ว โดยคาดว่าผลกระทบจำกัดเนื่องจากมีหลักปฏิบัติการใช้ข้อมูล
ลูกค้าตามข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย มาก่อนหน้าแล้ว
  • ไทยโชว์บทบาทประธานอาเซียนผลักดันประเด็นด้านเศรษฐกิจ คาดเดือน เม.ย.นี้ คืบหน้าลุยวางแผนรับมือการปฏิวัติ
อุตสาหกรรม ผลักดันใช้เงินสกุลอาเซียนค้าขาย เร่งแผนแม่บทการท่องเที่ยวเชิงอาหาร การทำประมงอย่างยั่งยืน
  • ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า หลังวันเลือกตั้งจนถึงวันที่รัฐบาลชุดใหม่เข้ามารับตำแหน่ง อาจ
กินเวลานานกว่า 2 เดือน โดยคาดว่า กกต. จะใช้เวลาราว 45 วันประกาศรับรอง ส.ส. และเปิดสภาในช่วงปลายเดือน พ.ค.
2562 ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มอาจรอความชัดเจนจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่ก่อนเข้ามาลงทุน
  • คลังแนะพรรคการเมือง ศึกษากฎหมายวินัยการเงินการคลังในการทำนโยบายหาเสียง โดยเฉพาะนโยบายกึ่งการคลัง ย้ำ
มาตรา28 เป็นตัวกำหนด กรอบใช้จ่ายสำคัญ แจงเหลือเม็ดเงินให้ใช้ไม่มาก งบปี 62 เหลือเพียง 1 แสนล้าน
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนนอกรอบการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC)ว่า ทาง
การจีนจะเดินหน้าใช้นโยบายการเงินแบบรอบคอบต่อไป โดยจะมีการผ่อนคลายหรือกวดขันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 20,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่ง
เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 180,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานร่วงลง
สู่ระดับ 3.8% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงสู่ระดับ 3.9%
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ แต่จะชะลอตัว
ลงเล็กน้อยเท่านั้น
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนม.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาค
ธุรกิจเดือนธ.ค.
  • รัฐสภาอังกฤษมีกำหนดลงมติอีกครั้งต่อข้อตกลงในการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป หรือ Brexit ของนางเทเรซา เมย์
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในวันที่ 12 มี.ค. หลังจากที่ลงมติอย่างถล่มทลายคว่ำข้อตกลงดังกล่าวในเดือนม.ค. ซึ่งหากสภามีมติคว่ำข้อตกลงดัง
กล่าวอีกครั้งในสัปดาห์หน้า นางเมย์ก็จะเสนอให้รัฐสภาเลือกระหว่างการแยกตัวออกจาก EU โดยไร้ข้อตกลง หรือจะเรียกร้องให้ EU
ขยายกำหนดเวลาการแยกตัวจากเดิมในวันที่ 29 มี.ค.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ