(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 31.58/64 แข็งค่าตามทิศทางค่าเงินปอนด์ หลังรัฐสภาอังกฤษลงมติไม่เห็นชอบ Brexit แบบไร้ข้อตกลง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 14, 2019 15:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 31.58/64 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก เย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.63 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้ปรับตัวแข็งค่าขึ้น โดยเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ภายหลัง จากที่รัฐสภาอังกฤษลงมติไม่เห็นชอบต่อการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไร้ข้อตกลง

"ทิศทางบาทวันนี้น่าจะแข็งค่าต่อ ตามเงินปอนด์ที่รีบาวด์ขึ้นมา หลังจากที่รัฐสภาอังกฤษโหวตไม่เห็นชอบ Brexit ไร้ข้อ ตกลง" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.50-31.70 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 6M (13 มี.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.75471%

SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 31.6433 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 111.20/60 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ 111.20 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1300/1350 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ 1.1289 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.6450 บาท/ดอลลาร์
  • "แบงก์ชาติ" เผยทุนจีนแห่ซื้ออสังหาฯ ไทยในปี 61 พุ่ง 65% แตะระดับ 3.9 หมื่นล้าน มั่นใจยังไม่ส่งผลลบต่อภาพรวม
ตลาด แต่แนะหน่วยงานรัฐผนึกภาคเอกชน เก็บข้อมูลการซื้อขายชาวต่างชาติ เพื่อประเมินความเสี่ยง พร้อมพัฒนากรอบ สัญญาร่วมทุน
ระหว่างผู้ประกอบการไทย-เทศ เพื่อความโปร่งใส ลดความเสี่ยงจากการร่วมทุนไม่เป็นธรรม
  • กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ผลการเลือกตั้งที่จะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ มองว่าจะ
เข้ามาสานนโยบายต่อ และผลักดันความเชื่อมั่นของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้วางแนวทางหลายด้านที่ดีให้แก่ประเทศ หาก
เดินตามรากฐานที่วางไว้ จะช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น เกิดการพัฒนาประเทศในภาพรวม และสร้างความเชื่อมั่นแก่
นักลงทุนต่างชาติได้ คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 4% และส่งผลให้สินเชื่อรวมปีนี้เติบโต 4-6% ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
(เอ็นพีแอล) อยู่ที่ 3.4%
  • บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ทิสโก้ กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยว่า บล.ทิสโก้ ปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยครึ่งปีแรกเหลือ
1,750 จุด จากเดิมที่ 1,850 จุด เนื่องจากประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ จะเติบโตชะลอตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยคาดว่า GDP ปี
2562 จะทำได้เพียง 3.5% จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4% เพราะภาคการส่งออกได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า การลงทุนภาครัฐอาจ
ล่าช้ากว่าคาด
  • รัฐสภาอังกฤษมีมติด้วยคะแนนเสียง 321 ต่อ 278 เสียงในวันนี้ ไม่เห็นชอบต่อการที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป
(Brexit) โดยไร้ข้อตกลง สำหรับในขั้นตอนต่อไป รัฐสภาจะทำการลงมติในวันนี้ว่าจะเรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) ขยายกำหนดเวลา
การแยกตัวออกไปอีก 3 เดือน จากเดิมในวันที่ 29 มี.ค.หรือไม่ ซึ่งหากรัฐสภามีมติเรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาออกไป รัฐบาลก็
จะต้องทำการเจรจากับ EU ในเรื่องดังกล่าว แต่หากรัฐสภามีมติไม่เรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเวลาออกไป อังกฤษก็จะแยกตัวจาก
EU อย่างเป็นทางการตามกำหนดเดิมในวันที่ 29 มี.ค.
  • เงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) หลังจาก
รัฐสภาอังกฤษลงมติไม่เห็นชอบต่อการที่อังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยไร้ข้อตกลง ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง
หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐขยายตัวเพียงเล็กน้อยในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นหลักฐานล่าสุดที่สนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลาง
สหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) โดยสัญญาทองคำกลับมายืนเหนือระดับ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์
ได้อีกครั้ง เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาด นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ท่ามกลางความไม่แน่นอนของกระบวนการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มี
อายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.1% ส่วนการใช้จ่ายภาคการก่อ
สร้างเดือนม.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่ม
ขึ้นเพียง 0.4%
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยว่า เขายังไม่รีบร้อนที่จะทำข้อตกลงการค้ากับจีน สำนักข่าวต่างประเทศ
รายงานว่า ถ้อยแถลงของปธน.ทรัมป์เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า การประชุมระหว่างปธน.ทรัมป์และปธน.สี จิ้นผิง ซึ่งวางแผน
ว่าจะจัดขึ้นในเดือนนี้เพื่อบรรลุข้อตกลงการค้าและยุติข้อพิพาทการค้าระหว่างสองประเทศนั้น อาจจะถูกเลื่อนออกไปเป็นเดือนเม.ย.
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์,

ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing

Index) เดือนมี.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัย

มิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ