เลือกตั้ง'62: "ปริญญ์"ชูนโยบาย ปชป.เก็บภาษีลดความเหลื่อมล้ำ-ปรับโครงสร้างหนี้ประชาชน-ส่งเสริมการออม

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 14, 2019 17:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เสนอแนวคิดในการปรับโครงสร้างภาษีให้มีการจัดเก็บภาษีบริษัทต่างประเทศรายใหญ่ที่เข้ามาหารายได้ในประเทศไทย อย่างเช่น อาลีบาบา เฟซบุ๊ค ไลน์ กูเกิล ฯลฯ หลังจากที่ผ่านมา 5 ปีไม่ได้มีการจัดเก็บภาษีจากรายใดเลย ในขณะที่ประเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา เริ่มจัดเก็บภาษีกันแล้ว ถึงเวลาที่ประเทศไทยจะเรียกเก็บบ้างเพื่อความเป็นธรรมทางด้านภาษี นอกจากนี้การจัดเก็บภาษีดังกล่าวจะไม่กระทบกับคนไทย

นอกจากนี้ จะลดภาษีให้กับผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากที่ผ่านมา 90% เป็นภาษีเงินได้ส่วนบุคคล มีเพียง 10% นั้นที่เก็บจากทรัพย์สิน ที่ดิน

อีกเรื่องที่ควรจะต้องปรับโครงสร้าง คือ หนี้บัตรเครดิต ที่มีธนาคารใหญ่ไม่กี่แห่งเป็นเสือนอนกิน เนื่องจากเรียกเก็บดอกเบี้ยบัตรเครดิตในอัตราที่สูงมาก ทั้งนี้รวมถึงหนี้ภาคครัวเรือน หนี้ภาคการเกษตร ที่จะต้องนำมากองรวมเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ด้วยกลไกคลินิคแก้หนี้ ให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น

นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ผลักดันการตั้งกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ซี่งเป็นระบบการออมเพื่อการดำรงชีพในวัยชราภาพให้แก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ด้วยมองว่าการออมเป็นสิ่งสำคัญ และเมื่อไม่ได้เป็นรัฐบาลกองทุนดังกล่าวก็ถูกละเลยโดยรัฐบาลถัดมา ซึ่งหากมีโอกาสเข้าไปทำงานอีกครั้ง ปชป.ก็จะดำเนินการต่อ

"สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ทุกนโยบายขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายได้ ประชาชนจะต้องตื่นรู้ และแสดงออกในเชิงสร้างสรรค์ เสนอทางออกที่เป็นประโยชน์ให้กับประเทศ อย่าฟังคนที่มาหาเสียงว่าจะเอาหรือไม่เอาประชาธิปไตย เพราะเรากำลังจะมีประชาธิปไตยอยู่แล้ว เช่นเดียวกับจะเอาหรือไม่เอาเผด็จการ นั่นเป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะตรวจสอบ ให้เขาตื่นรู้เอง อย่าปั่นกระแสสร้างวาทะกรรมนำไปสู่ความขัดแย้ง" นายปริญญ์ กล่าว

นายปริญญ์ กล่าวว่า นักลงทุนต่างประเทศให้ความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ที่กำหนดวันเลือกตั้งแล้ว จะสังเกตุเห็นว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี 62 ส่วนหลังการเลือกตั้ง คาดว่าตลาดหุ้นจะแกว่งตัวในช่วง 3-6 เดือนที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาล โดยในช่วงตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้นักลงทุนต่างประเทศมีเงินไหลเข้ามาซื้อสุทธิประมาณ 8-9 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ขายสุทธิ 3 แสนล้านบาทและขายต่อเนื่องมาก 3 ปีแล้ว

นอกจากนี้ แม้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้กลับมาเป็นหรือไม่เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ยังนั่งเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ยังมีบทบาทในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีแม้ว่ารัฐบาลใหม่อาจจะปรับเปลี่ยนไปบ้าง แต่โครงสร้างใหญ่ได้ออกเป็นกฎหมายแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยต่างประเทศก็ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญต่อตลาดหุ้นไทยในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน การหารือสุดยอดผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือ เป็นต้นโดยในปี 62 มีเป้าหมายดัชนีหุ้นไทย (SET) ที่ 1,850 จุด

ส่วนการประชุม CLSA อาเซียน ประจำปี 2562 ครั้งนี้ถือว่ามีนักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจมากกว่าปีที่ผ่านมา ที่มาจากทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ จีน อิตาลี อังกฤษ ฝรั่งเศส สวีเดน มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง อินเดีย มาร่วมด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ