SCB EIC คาดเศรษฐกิจ CLMV ปีนี้โตต่อเนื่องเฉลี่ย 6-7% แต่ยังมีความเสี่ยงจากภายในและภายนอกเพิ่มขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 15, 2019 14:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินว่า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ในปีนี้ มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องราว 6-7% จากการส่งออก และการลงทุนจากต่างชาติ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบค่อนข้างจำกัด โดยการส่งออกคาดว่าจะรักษาระดับการเติบโตที่ดีได้ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการของคู่ค้าสำคัญที่มีต่อสินค้าที่ผลิตโดยเศรษฐกิจ CLMV ภายใต้สิทธิประโยชน์ทางการค้า ด้านการลงทุน เศรษฐกิจ CLMV ยังคงสามารถดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติได้ โดยเฉพาะในการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐาน และแนวโน้มการขยายโรงงานในอุตสาหกรรมการผลิต

ทั้งนี้ เวียดนามมีแนวโน้มเป็นฐานการผลิตที่จะสามารถดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศได้สูง ท่ามกลางความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จากการที่มีผู้ผลิตสินค้าในจีนหลายราย ตัดสินใจประกาศย้ายฐานการผลิตมายังเวียดนาม เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ และใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบของเวียดนามในเรื่องต้นทุนการผลิตและสิทธิประโยชน์ทางภาษี

นอกจากนี้ การท่องเที่ยวในภาพรวมที่มีแนวโน้มสดใส จากนโยบายสนับสนุนของภาครัฐ จะเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจ CLMV โดยนักท่องเที่ยวจากจีนและจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย คิดเป็นสัดส่วนขนาดใหญ่ และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงระยะสั้น คือ ความเปราะบางต่อเศรษฐกิจภายนอก และปัจจัยเสี่ยงรายประเทศ ซึ่งรวมถึงความผันผวนของสกุลเงินท้องถิ่น CLMV ที่อาจสูงขึ้น ความเป็นไปได้ที่กัมพูชาและเมียนมาจะสูญเสียสิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้ Everything But Arms (EBA) เนื่องมาจากปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการเติบโตอย่างรวดเร็วของสินเชื่อในกัมพูชาและเวียดนาม

สำหรับกัมพูชา จะรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงราว 6.8% ในปีนี้ จากอุปสงค์ภายนอกที่แข็งแกร่ง การส่งออกคาดว่าจะเร่งตัวก่อนสหภาพยุโรปถอนสิทธิประโยชน์ EBA ในเดือนสิงหาคม 2563 ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการพิจารณา ประกอบกับการท่องเที่ยวจะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ จากแนวโน้มการขยายตัวสูงในอนาคต โดยมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักในกัมพูชา

ส่วนลาว คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวสูงขึ้นเป็น 7% ในปีนี้ โดยมีการส่งออกไฟฟ้าและการก่อสร้างเป็นปัจจัยสนับสนุนหลัก อย่างไรก็ตาม การอ่อนค่าของเงินกีบ และแนวโน้มการขาดดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง เป็นความเสี่ยงสำคัญต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจด้านต่างประเทศ

ขณะที่เมียนมา เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ราว 6.8% ในปีนี้ โดยมีการส่งออกเป็นกลไกขับเคลื่อนหลัก การส่งออกคาดขยายตัวต่อเนื่องเป็นตัวเลขสองหลัก ในขณะที่ภาคการผลิตและการบริการคาดว่าจะเติบโตราว 8% ความเสี่ยงต่อการเติบโตและการพัฒนาเศรษฐกิจในปีนี้และระยะข้างหน้า เพิ่มขึ้นจากความเป็นไปได้ที่เมียนมาจะถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากชาติตะวันตกในประเด็นวิกฤตโรฮิงญา

ด้านเวียดนาม เศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวได้ดีราว 6.5% ในปีนี้ ต่อเนื่องจากปี 2561 ที่เติบโต 7.08% เวียดนามสามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติได้เป็นจำนวนมาก รวมถึงการเป็นหนึ่งในฐานการผลิตแห่งใหม่ของจีน หากสงครามการค้ามีแนวโน้มยืดเยื้อ แต่ความท้าทายเชิงโครงสร้างสำคัญของเวียดนาม คือ การเติบโตอย่างรวดเร็วของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กระจุกตัวอยู่ในอุตสาหกรรมที่ชาวต่างชาติเป็นผู้ลงทุน ในขณะที่การถ่ายโอนเทคโนโลยีอยู่ในระดับต่ำ จึงเป็นความท้าทายของการพัฒนาอุตสาหกรรมโดยรวมของเวียดนามในระยะต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ