นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ที่ระดับ 31.68 บาท/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่ เปิดตลาดที่ระดับ 31.65 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวระหว่าง 31.64-31.69 บาท/ดอลลาร์
"วันนี้ค่อนข้างนิ่ง ตลาดภูมิภาคก็นิ่งแต่เรานิ่งกว่าแม้ท้ายตลาดของเราจะเด้งขึ้นมาบ้าง นักลงทุนน่าจะระมัดระวังการซื้อขาย ก่อนจะรู้ผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กน ง.) และผลการเลือกตั้งของไทย"นักบริหารเงินระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.65-31.75 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 111.47 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ 111.56 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1350 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ 1.1326 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,617.57 จุด ลดลง 8.00 จุด, -0.49% มูลค่าการซื้อขาย 38,474.99 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,015.93 ลบ.(SET+MAI)
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยในการประชุมนโยบายการเงินครั้งที่ 2 ของ
ปี 2562 ในวันที่ 20 มีนาคม 2562 จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75% ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินจะยังคงให้
น้ำหนักการพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยตามสถานการณ์ของเศรษฐกิจ (data dependent)
- กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงดอกเบี้ยนโยบาย
ไว้ที่ระดับ 1.75% ด้วยเสียงไม่เป็นเอกฉันท์ในวันที่ 20 มีนาคม ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศที่ออกมาอ่อนแอต่อเนื่องรวมถึงการปรับท่าที
ของธนาคารกลางหลักสู่การลดระดับคุมเข้มนโยบาย ทำให้เราปรับคาดการณ์ช่วงเวลาที่จะมีการปรับดอกเบี้ยของไทยออกไป โดยเรามอง
ว่า หากกนง.จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
- สื่อต่างประเทศ รายงานว่า การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อาจถูก
เลื่อนออกไปจนถึงเดือนมิ.ย.
- กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานเบื้องต้นในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นกลับมามียอดเกินดุลการค้าสินค้าอีกครั้งในเดือนก.พ. อย่าง
ไรก็ตาม ยอดส่งออกยังคงอ่อนแรงลง ท่ามกลางอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงจากประเทศจีน
- สภาหอการค้าอังกฤษ (BCC) ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในปี 2562 ลงสู่ระดับ 1.2%
จากระดับคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 1.3% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่อ่อนตัวที่สุดในรอบ 10 ปี
- ผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ ชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียงครั้งเดียว
ในปีนี้
- ตลาดจะให้ความสนใจกับท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ต่อภาวะเศรษฐกิจการเงินสหรัฐฯ เพื่อประเมินทิศ
ทางดอกเบี้ยและการดำเนินมาตรการเกี่ยวกับขนาดงบดุลของเฟดในระยะข้างหน้า รวมทั้งจับตาประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
- นักลงทุนจะติดตามความพยายามที่จะผลักดันข้อตกลง Brexit ของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ให้ผ่านรัฐสภาสหราช
อาณาจักรอีกครั้งในสัปดาห์นี้ ส่วนการเลื่อนกำหนด Brexit จะต้องอาศัยเสียงสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์จากประเทศสมาชิกอียูอีก 27
ประเทศ ซึ่งจะประชุมสุดยอดในวันที่ 21 มีนาคม