ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.66 อ่อนค่าจากช่วงเช้า ตลาดจับตาการเมืองในปท.-Brexit-การค้าสหรัฐและจีน

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 26, 2019 18:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นวันนี้ที่ระดับ 31.66 บาท/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่ เปิดตลาดที่ระดับ 31.55/56 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวระหว่าง 31.51-31.66 บาท/ดอลลาร์

"วันนี้ภาพรวมในภูมิภาคค่อนข้างผสมผสานกันมีทั้งแข็งค่าและอ่อนค่า เงินบาทตอนแรกทำท่าจะผ่าน 31.50 ไป แต่ปัจจัยการ เมืองในประเทศทำให้อ่อนค่ากลับขึ้นมาจนกระทั่งปิดตลาด"นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.60-31.70 บาท/ดอลลาร์ จับตาการเมืองในประเทศ เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่มีความชัดเจน, Brexit และการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.39 เยน/ดอลลาร์ จากตอนเช้าที่อยู่ที่ 110.05/09 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1321 ดอลลาร์/ยูโร จากตอนเช้าที่อยู่ที่ 1.1316/1317 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,632.32 จุด เพิ่มขึ้น 6.41 จุด, +0.39% มูลค่าการซื้อขาย 38,214.27 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 663.99 ลบ.(SET+MAI)
  • สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือน ก.พ.62 อยู่ที่
105.24 ปรับลดลง 1.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YOY) และลดลง 2.91% จากเดือนก่อนหน้า (MOM) โดยได้รับผลกระทบจาก
การหยุดผลิตเพื่อซ่อมบำรุงเครื่องจักรที่ชำรุดของอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐานของผู้ผลิตบางรายที่ลดการผลิตลงกว่า 14.4%
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปข้อมูลสินเชื่อ เงินฝาก และสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ไทย 14 แห่ง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์
2562 พบว่า ภาพรวมสินเชื่อสุทธิในเดือน ก.พ.62 กลับมาเร่งตัวขึ้นจากแรงหนุนของสินเชื่อรายย่อยหลัก ทั้งสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อเช่า
ซื้อรถ ตามอุปสงค์ที่เร่งตัวจากปัจจัยชั่วคราว กล่าวคือ การเร่งโอนบ้านก่อนมาตรการสินเชื่อใหม่มีผลใน 1 เม.ย.62 และยอดขายรถที่
คาดว่ายังมีการทยอยส่งมอบรถต่อเนื่องจากช่วงปลายปีที่แล้ว
  • กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวน จากประเด็น
ความไม่ชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้ง

แต่เชื่อว่าเป็นผลกระทบกับบรรยากาศการลงทุนแค่ระยะสั้นเท่านั้น เพราะระยะยาวยังมองว่าทั้ง 2 ขั้วพรรคการเมืองที่ต้อง การเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีประสบการณ์บริหารเศรษฐกิจประเทศมาแล้ว และนโยบายด้านเศรษฐกิจที่นำมาหาเสียงของทั้ง 2 ขั้วก็เน้น กระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน สนับสนุนการทำธุรกิจของเอกชนตั้งแต่กลุ่มสตาร์ทอัพไปจนถึงบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ และ เข้ามาดูแลกำลังซื้อกลุ่มฐานราก นับเป็นสิ่งสะท้อนความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนได้ว่าไม่ว่าขั้วใดจะได้จัดตั้งรัฐบาลใหม่ เศรษฐกิจไทยน่าจะถูก ผลักดันได้ในระยะถัดไป

  • สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้ติดตามสถานการณ์ที่อังกฤษขอถอนตัวออกจาก
สหภาพยุโรป (Brexit) อย่างใกล้ชิด พบว่าความเปลี่ยนแปลงน่าจะส่งผลกระทบต่อไทยในวงจำกัด โดยในภาพรวม Brexit เพิ่มความ
ไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจการค้าโลก แต่ไทยมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เช่น อัตราเงินเฟ้อและการว่างงานที่ต่ำ การเกินบัญชี
ดุลสะพัดสูง ซึ่งจะทำให้รับมือกับความผันผวนภายนอกได้ดี
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย กล่าวว่า เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งเดียวในปี 2562 และอีก
ครั้งในปี 2563
  • รายงานจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า ระบบการเรียกเก็บภาษีจากบริษัททั่วโลกจำเป็นต้องได้รับ

การปฏิรูป เนื่องจากกลุ่มประเทศที่มีรายได้น้อยต้องสูญเสียรายได้มหาศาลจากการแข่งขันด้านภาษีและการโอนกำไร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ