พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศด้านการท่องเที่ยวว่า ยังอยู่ระหว่างการหารือยังไม่ได้สรุป เพราะมาตรการต่างๆที่ออกมาต้องดูให้รอบด้าน จึงไม่อยากให้ตื่นตระหนกในช่วงนี้
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า รัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากในปัจจุบันเศรษฐกิจไทยยังต้องพึ่งการส่งออกเป็นหลัก แต่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก จึงจำเป็นต้องมีการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศให้เม็ดเงินลงไปในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งมาตรการต่างๆ ที่ออกมาจะพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่ให้กระทบหรือเป็นภาระงบประมาณ
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากทุกคนยังกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองจนไม่กล้าใช้จ่าย ก็จะทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักไป จึงอยากให้ประชาชนที่มีขีดความสามารถในการใช้จ่าย ช่วยกันใช้จ่าย มีมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย ส่วนกลุ่มมีรายได้น้อย รัฐบาลก็จะดูแลเพื่อให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้
"ถ้าเราไม่ช่วยกัน ไม่ยอมเสียอะไรเลย แต่อยากจะได้อย่างเดียวไม่มีใครทำให้ได้ และรัฐบาลจำเป็นต้องหามาตราการส่งเสริมการใช้จ่ายให้มากขึ้น เม็ดเงินเหล่านี้จะลงไปในพื้นที่และเพิ่มศักยภาพการผลิต...ซึ่งรัฐบาลต้องมีมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไตรมาส 1 เหลืออีกเดือน เดี๋ยวจะไตรมาส 2 แล้ว ถ้ามันลดลง มันก็จะเกิดปัญหาอีก รัฐบาลจึงต้องหามาตรการที่เหมาะสม"นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทางองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ยังยืนยันว่า จะเดินหน้าลงทุนในประเทศไทยต่อไป โดยไม่ให้ความสำคัญกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของไทยแต่อย่างใด
ส่วนกรณีการปรับขึ้นค่าโดยสารรถโดยสารสาธารณะนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นไปตามมติของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ซึ่งไม่ได้มีการปรับขึ้นค่าโดยสารมานานแล้ว และยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้สั่งให้ขึ้นราคาหลังการเลือกตั้ง แต่ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อประชาชนบ้าง ซึ่งต้องมีการติดตามและประเมินผลกระทบ เพื่อลดปัญหาให้ได้มากที่สุด พร้อมทั้งต้องมีการปรับปรุงการให้บริการให้ดีขึ้น
"เราไม่ได้ขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการจะพิจารณาต่อไป หลายอย่างยังไม่ได้ดำเนินการ แต่เป็นข่าวออกมา เล่นข่าวกันเยอะแยะไปหมด มันก็เกิดความสับสนอลม่านไปหมด ทั้งเรื่องการเมือง เรื่องค่าใช้จ่าย และตีกลับมาที่รัฐบาลเผด็จการ แบบนี้จะไปได้อย่างไร แต่รัฐบาลต้องทำหน้าที่ต่อเนื่องไปจนกว่ามีครม.ใหม่ขึ้นมา จนกว่าจะมีการถวายสัตย์ฯ เมื่อถวายสัตย์ฯเราก็หมดหน้าที่วันนั้น เพราะฉะนั้นระหว่างนี้ประเทศเดินหน้าไปเรื่อยๆ งานก็หยุดไม่ได้ เราก็พยายามควบคุมสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ"นายกรัฐมนตรี กล่าว