ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.00/01 อ่อนค่าตามภูมิภาคจากแรงซื้อดอลล์-เฟดคงดอกเบี้ย คาดกรอบพรุ่งนี้ 31.80-32.10

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 2, 2019 17:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.00/01 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.93/97 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ปรับตัวอ่อนค่าจากเปิดตลาดในช่วงเช้า โดยระหว่างวันมีแรงซื้อดอลลาร์เข้ามามากขึ้น อย่างไรก็ดี เงินบาทอ่อนค่าตามทิศทางเดียวกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่าขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดคาดการณ์

"บาทวันนี้อ่อนค่าตามภูมิภาค เพราะดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังจากผลประชุมเฟดยังคงดอกเบี้ยไว้ตามตลาดคาด วันนี้ก็มีแรงซื้อ ดอลลาร์เข้ามาด้วย บาทจึงอ่อน" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.80 - 32.10 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 111.53 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 111.45/60 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1189 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1200/1220 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,679.17 จุด เพิ่มขึ้น 5.65 จุด (+0.34%) มูลค่าการซื้อขาย 46,564 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 336.15 ลบ.(SET+MAI)
  • ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้องกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 231
(1) ว่าพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พ.ศ.2561 มาตรา 128 มีปัญหาเกี่ยวกับความ
ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 หรือไม่ โดยได้กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในวันที่ 8 พ.ค.62 เวลา 9.30 น.
  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.62 อยู่ที่ระดับ 79.2 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่
2 และลดลงต่ำสุดในรอบ 16 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพการเมืองภายหลังการเลือกตั้ง รวมทั้งกังวลต่อ
ภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังฟื้นตัวช้า และกำลังซื้อของประชาชนยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมากนัก ราคาสินค้าเกษตรยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับ
สถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอน
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน เม.ย.62 ปรับลดลงจากเดือนก่อนมา
มาสู่ระดับ 49.2 จากความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคการผลิตที่มีความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อที่ลดลง โดยเฉพาะคำสั่งซื้อจากลูกค้าใน
ประเทศ นำโดยกลุ่มผลิตยานยนต์ กลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มผลิตปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ ยางและพลาสติก ส่งผลให้ความเชื่อมั่นด้าน
ผลประกอบการและการผลิตของกลุ่มดังกล่าวลดลงตามไปด้วย
  • สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก ปรับลดคาดการณ์การส่งออกไทยปี 2562 เหลือโต
3% จากเดิมคาดโต 5% หลังจากการส่งออกในช่วงไตรมาส 1/62 ติดลบ 1.6% โดยมองว่ายังมีความเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออก
ไทยปีนี้ คือ เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงกระทบกำลังซื้อของประเทศผู้นำเข้า, ความสามารถในการแข่งขันของเวียดนามที่เพิ่มขึ้น, ผู้
ประกอบการหลายอุตสาหกรรมยังได้รับผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงิน, ปรากฎการณ์เอลนินโญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสินค้าเกษตร และ
แนวโน้มการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่กระทบต่อผู้ประกอบการรายเล็ก
  • สภาทองคำโลก เผยแพร่รายงานแนวโน้มความต้องการทองคำฉบับล่าสุดในวันนี้ ชี้ความต้องการทองคำทั่วโลกขยายตัวสู่
ระดับ 1,053.3 ตันในไตรมาสแรกของปี 2562 เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่ธนาคาร
กลางยังคงเพิ่มการซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนได้แรงหนุนจากกองทุนรวม ETFs
  • นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ที่ประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะลงมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% ใน
วันนี้ แม้กระบวนการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brerxit) ล่าช้ากว่ากำหนดเดิมที่วางไว้ก็ตาม
  • นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนายเจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ได้ส่งสัญญาณ
ประนีประนอมเกี่ยวกับข้อตกลงในการถอนอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะหารือร่วมกันสัปดาห์หน้าในช่วง
วันที่ 7-8 พ.ค.62
  • ผู้บริหารภาคการเงินจากเอเชีย เข้าร่วมประชุมกันที่ฟิจิ เพื่อหารือถึงแนวทางการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวซึ่งเป็น
ผลพวงจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยการหารือระหว่าง รมว.คลัง และผู้ว่าการธนาคารกลางจากญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้
และสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) มุ่งเน้นไปที่การยกระดับความร่วมมือในช่วงวิกฤตทางการเงิน ซึ่งรวมถึง
การขยายขอบเขตความร่วมมือด้านข้อตกลงการสว็อปค่าเงินระหว่างประเทศ
  • นายกัว ซู่ชิง ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลภาคธนาคารและประกันภัยแห่งชาติของจีน (CBIRC) เปิดเผยว่า จีนคาดว่า

จะเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน และสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานสำหรับนักลงทุนต่างชาติในภาคการเงินด้วยมาตรการใหม่ๆ เพื่อเปิดเสรี

มากขึ้น โดยเตรียมจะเปิดเผยกฏระเบียบใหม่ทั้งหมด 12 กฏในเร็วๆ นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ