(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 31.79 มองกรอบวันนี้ 31.70 - 31.85 จับตาข้อสรุปเจรจาการค้าสหรัฐและจีน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 9, 2019 14:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.79 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ ปิดตลาดที่ระดับ 31.79/83 บาท/ดอลลาร์

"หลัง กนง.คงดอกเบี้ยตามคาดและคาดว่าปีนี้ทั้งปีน่าคงดอกเบี้ยเอาไว้...เงินบาทแข็งค่ากว่าที่อื่นในภูมิภาคน่าจะมี Flow ของผู้ส่งออก...ขณะที่ปัจจัยการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้นอีก Step นึง ก็มีผลในทางจิตวิทยา" นักบริหารเงินระบุ

อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามปัจจัยการค้าโลก ซึ่งใกล้กำหนด Deadline ที่รัฐบาลสหรัฐประกาศว่าจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า จีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10%

"ต้องจับตาว่าจะจบยังไง ถ้าขึ้นภาษีจริงๆ Sentiment ตลาดน่าจะเสีย บาทน่าจะอ่อน"นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.70 - 31.85 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (8 พ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.69805% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.73163%

SPOT ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 31.8200 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 109.95 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1192 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 1.1197/1204 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.8150 บาท/ดอลลาร์
  • คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) จำนวน 149 คน โดย
มีพรรคการเมืองได้รับการจัดสรร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ทั้งหมด 26 พรรคการเมือง
  • ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ทั่วโลกกำลังจับตาวันที่ 10 พ.
ค. นี้ ว่าสหรัฐจะประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนจาก 10% เป็น 25% หรือหากไม่มีการผ่อนปรน จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปี 62
ขยายตัวลดลง 0.2- 0.3% จากเดิมที่คาดการณ์ขยายตัว 3.8% อาจเหลือ 3.5-3.6% เนื่องจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีนที่เพิ่มความ
รุนแรง ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกต้องชะลอตัวตามไปด้วย ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีแผนรองรับเพื่อพยุงเศรษฐกิจโดยเฉพาะธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องรักษาเสถียรภาพเงินบาทให้เป็นไปทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค และต้องมีมาตรการในการทำตลาดส่ง
ออก เป็นต้น
  • "พาณิชย์" ประเมิน "ทรัมป์" ขึ้นภาษีสินค้าจีนเป็น 25% ไม่กระทบส่งออกไทยเพิ่ม เพราะได้รับผลกระทบไปแล้วเมื่อปี
61 แต่จะเป็นโอกาสมากกว่า เหตุส่งออกไปสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้น แม้ส่งออกไปจีนลด มูลค่าน่าจะชดเชยกันได้ ยันมีแผนบุกเจาะตลาดเชิงรุก
มากขึ้น พร้อมนัดประชุมทูตพาณิชย์ 31 พ.ค.นี้ ประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
  • ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ที่กลับมาตึงเครียดอีกครั้งนั้น
รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมด้วยการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่เศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อรองรับกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่อาจ
จะรุนแรงและมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น
  • ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกปี 2562 เศรษฐกิจไทยคงจะขยาย
ตัวต่ำกว่าในไตรมาสที่ 4 ปี 2561 ที่ขยายตัว 3.7% โดยเป็นผลจากการส่งออกที่หดตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตภาคอุตสาหกรรมให้หด
ตัวเช่นกัน อีกทั้งการท่องเที่ยวเติบโตชะลอลง ส่วนหนึ่งจากผลของฐานที่สูงในปีก่อนโดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวจีน และเครื่องชี้การใช้จ่าย
ภายในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัว
  • "กกร." เร่งจัดทำสมุดปกขาวให้เสร็จ มิ.ย.นี้หวังยื่นรัฐบาลใหม่ในเดือน ก.ค.ให้เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจด่วนรับมือกับ
เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและความเสี่ยงจากภาวะสงครามการค้าสหรัฐฯ และจีน ผวาส่งออกไทยอาจโตหลุดต่ำกว่า 3% พร้อมเกาะติดภัย
แล้งใกล้ชิด
  • ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นไทย ขณะนี้ได้รับปัจจัยกดดัน
ในประเทศจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจ จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจลงทุน ซึ่ง
ความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่คาดจะเรียบร้อย 2-3 สัปดาห์นี้ ถ้าผลออกมาเซอร์ไพร้ส์ในทางลบมาก ๆ ก็จะส่งผลกระทบกับตลาด
หลักทรัพย์ฯ แน่นอน
  • Federal Register ซึ่งเป็นวารสารของทางการสหรัฐระบุว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะปรับขึ้น
ภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ จาก 10% เป็น 25% ในวันศุกร์นี้
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 พ.ค.)
เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่เงินเยนได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุน
ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น ภายหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบ
ของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
  • นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในวันพฤหัสบดี และวันศุกร์นี้ หากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อ
ตกลง สหรัฐก็จะเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% ในวันศุกร์ จากเดิมที่ระดับ 10% รวมทั้ง
จะมีการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.25 แสนล้านดอลลาร์ในอัตรา 25% ในไม่ช้า
  • ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต
(PPI) เดือนเม.ย., ดุลการค้าเดือนมี.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.
  • นักลงทุนในตลาดยังคงจับตาสถานการณ์เกี่ยวกับการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่นายไมค์

ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า เขาหวังว่าอังกฤษจะสามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ Brexit ได้ในไม่ช้า เนื่องจาก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการที่จะทำข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับอังกฤษ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ