ภาวะตลาดเงินบาท: เงินบาทเปิด 31.57/61 ใกล้เคียงเย็นวันศุกร์ จับตาคืบหน้าตั้งรัฐบาล-เจรจาการค้า,มองกรอบวันนี้ 31.55-31.70

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 13, 2019 09:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 31.57/61 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงช่วง เย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.57 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทมีโอกาสรีบาวด์ เนื่องจากเมื่อวันศุกร์เงินบาทแข็งค่าไปค่อนข้างมาก โดยปัจจัยวันนี้ต้องจับตาการเมืองใน ประเทศ คือ ความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมทั้งการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ผลออก มาไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจนัก

"บาทวันนี้อาจจะรีบาวด์ได้ เพราะเมื่อวันศุกร์แข็งค่าไปมาก วันนี้คงต้องติดตามการเมืองในประเทศต่อ รวมทั้งการเจรจา ระหว่างสหรัฐและจีนที่ออกมาไม่ค่อยโอเคนัก เนื่องจากสหรัฐฯ ยืนยันจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.55-31.70 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (10 พ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.66250% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.71838%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.60/90 เยน/ดอลลาร์ จากวันศุกร์ที่ระดับ 109.81 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1220/1250 ดอลลาร์/ยูโร จากวันศุกร์ที่ระดับ 1.1232 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.650 บาท/
ดอลลาร์
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์
(10 พ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนเม.ย.
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 2.20 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่
1,287.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (10 พ.ค.) โดยราคาทองปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อ
กัน เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้ปัจจัยหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ด้วย
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้สั่งการเมื่อวันศุกร์ให้ผู้แทนการค้าของสหรัฐ เริ่มกระบวนการเก็บภาษีนำเข้าครั้ง
ใหม่ต่อสินค้านำเข้าที่เหลือทั้งหมดจากจีนซึ่งมีมูลค่าราว 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยนับเป็นความพยายามล่าสุดของสหรัฐที่ต้องการกดดันให้จีน
ปฏิบัติตามข้อตกลงการค้ามากขึ้น
  • นักลงทุนมีความวิตกเพิ่มขึ้นว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยืดเยื้อ อาจส่งผลกระทบต่อตลาดและเศรษฐกิจโลก
ขณะที่จีนยืนยันที่จะตอบโต้ต่อการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจีนจะดำเนินการเช่นใด
  • สัปดาห์นี้ สหรัฐจะรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค., ดัชนีตลาด

ที่อยู่อาศัยเดือนพ.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.จาก

Conference Board และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ