ภาวะตลาดเงินบาท: เงินบาทปิด 31.65/67 แนวโน้มยังแข็งค่า มองกรอบพรุ่งนี้ 31.60 - 31.75

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 13, 2019 17:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.65/67 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.57/61 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าจากที่เปิดตลาดในตอนเช้า ซึ่งเป็นการทยอยปรับอ่อนค่าหลังจากเริ่มมีการ take profit อย่างไรก็ ดี มองว่าแนวโน้มการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้น่าจะยังไปในทิศทางที่แข็งค่า จากข่าวที่สหรัฐและจีนไม่สามารถเจรจาตกลงทางการ ค้าระหว่างกันได้สำเร็จ ซึ่งมีผลทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า

"พรุ่งนี้บาทยังน่าจะแข็งค่า รับข่าวที่สหรัฐและจีนตกลงกันไม่สำเร็จ" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.60 - 31.75 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.65/69 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 109.60/90 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1236/1240 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1220/1250 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,640.13 จุด ลดลง 8.56 จุด (-0.52%) มูลค่าการซื้อขาย 41,044 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 702.36 ลบ.(SET+MAI)
  • 11 พรรคการเมืองขนาดเล็ก มีมติเอกฉันท์สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และยืนยันการเข้า
ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดย 11 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคพลังชาติไทย พรรคประชาภิวัฒน์ พรรค
ไทยศรีวิไลย์ พรรคพลังไทยรักไทย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคประชานิยม พรรคประชาธรรมไทย พรรคพลเมืองไทย พรรคปรระชา
ธิปไตยใหม่ และพรรคพลังธรรมใหม่พรรคไทรักธรรม
  • เงินหยวนร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 4 เดือนวันนี้ ที่ระดับ 6.88 หยวนต่อดอลลาร์ ภายหลังจากที่การเจรจาการ
ค้าระหว่างจีนและสหรัฐไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด นักวิเคราะห์คาดว่าเงินหยวนจะร่วงลงในช่วง 5-6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐใน
ช่วง 3 เดือนหน้านี้ ซึ่งเป็นกลไกในการรองรับภาวะผันผวนจากผลกระทบทางเศรษฐกิจหลังจากที่จีนถูกเก็บภาษีสินค้าเพิ่มขึ้น
  • รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยดัชนีพ้องวัฏจักรเศรษฐกิจเดือนมี.ค.62 แตะระดับ 99.6 จุด ร่วงลง 0.9 จุด จากเดือน ก.พ.62
ซึ่งดัชนีพ้องวัฏจักรเศรษฐกิจดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นย่ำแย่ลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี ตอกย้ำมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจประเทศ
อาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว
  • สำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 1/2562 จีนมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่
ที่ 5.86 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 5.46 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4/2561 โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์สินค้าส่งออกที่แข็ง
แกร่ง ขณะที่จีนมียอดเกินดุลการค้าสินค้า อยู่ที่ระดับ 9.45 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนการค้าด้านการบริการ มียอดขาดดุลอยู่ที่ระดับ 6.34
หมื่นล้านดอลลาร์
  • กรรมาธิการการค้ายุโรป แสดงความคาดหวังว่า สหรัฐฯ จะเลื่อนกำหนดเส้นตายในการตั้งกำแพงภาษีรถยนต์นำเข้าจาก
ยุโรป ซึ่งเดิมกำหนดไว้วันที่ 18 พ.ค.นี้ พร้อมกับขู่ว่า หากสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าจริง ทางยุโรปก็เตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า
สหรัฐฯ เพื่อเป็นการตอบโต้เช่นกัน
  • คณะกรรมการกำกับดูแลภาคธนาคารและประกันภัยแห่งชาติของจีน (CBIRC) เปิดเผยว่า อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดราย
ได้ (NPL) ของธนาคารพาณิชย์จีนในไตรมาสแรกของปีนี้ อยู่ที่ 1.8% แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงกับช่วงต้นปี อันเป็นผลจากการที่ฝ่ายกำกับดูแล
ได้ยกระดับมาตรการควบคุมความเสี่ยง ขณะที่ตัวเลขหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ 2.16 ล้านล้านหยวน (3.18 แสนล้านดอลลาร์
สหรัฐ) ในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 9.57 หมื่นล้านหยวนจากช่วงต้นปี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ