ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 31.60/62 ตลาดติดตามท่าทีสหรัฐฯ-จีน จากปัญหาความขัดแย้งทางการค้า มองกรอบวันนี้ 31.50-31.70

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 14, 2019 09:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.60/62 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.65/67 บาท/ดอลลาร์

"วันนี้น่าจะวิ่งในกรอบระหว่าง 31.50-31.70 บาท/ดอลลาร์ โดยให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และฝั่งยูโร โซน ส่วนปัจจัยการค้าโลกต้องติดตามและรอดูท่าทีของทั้งสหรัฐฯและจีนต่อไป" นักบริหารเงินระบุ

THAI BAHT FIX 3M (13 พ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.64132% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.70914%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.60/67 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 109.65/69 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1231/1236 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 1.1236/1240 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.6750 บาท/ดอลลาร์
  • กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อน
ไหวในกรอบ 31.50-31.85 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 31.57 บาท/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังเงินบาทแตะระดับแข็ง
ค่าสุดในรอบ 6 สัปดาห์ ขณะที่ภาพทางการเมืองของไทยชัดเจนมากขึ้น สวนทางกับค่าเงินหยวนซึ่งร่วงลงต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
  • ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีสำนักข่าวต่าง
ประเทศรายงานว่า สหรัฐฯ อาจจะมีการขยายจำนวนประเทศคู่ค้าที่มีนัย (major trading partners) ว่า ไทยได้มีการสื่อสารมาโดย
ตลอดว่า ไทยไม่ได้แทรกแซงค่าเงินเพื่อให้เกิดความได้เปรียบทางการค้ากับสหรัฐ เพียงแต่ไทยมีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐอยู่บ้าง จึงอาจ
มีชื่ออยู่ในบัญชีของประเทศที่จะมีการติดตามต่อไป ซึ่งไทยก็พร้อมที่จะหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกับสหรัฐอย่างต่อเนื่องต่อไป

นอกจากนี้ การที่ไทยจะถูกจัดให้เป็นคู่ค้าที่สำคัญ หมายความเพียงว่าไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่สหรัฐฯ จะติดตามและหารือใน ประเด็นการค้าอย่างใกล้ชิดเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาทางการไทยก็มีการหารือกับทางการสหรัฐอย่างต่อเนื่องใกล้ชิด

  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเปิดเผยถึงผลการจัดทำดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในเดือน
เม.ย.2562 ว่า ปรับตัวลดลงจากเดิมที่ระดับ 45.9 ในเดือน มี.ค.2562 มาอยู่ที่ระดับ 43.5 ในเดือน เม.ย.2562 เนื่องจากครัว
เรือนมีความกังวลเพิ่มขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจของตนเองในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรายได้และการมีงานทำ สถานการณ์ราคาสินค้าและ
บริการภายในประเทศ ตลอดจนค่าใช้จ่ายและภาระหนี้สินซึ่งส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยตามฤดูกาล อาทิ เทศกาลสงกรานต์ ช่วงของการเปิด
เทอม ค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น เป็นต้น
  • "บีโอไอ" เผยสถิติยื่นขอส่งเสริมฯการลงทุนไตรมาสแรกปี 2562 มีจำนวน 387 โครงการเพิ่มขึ้น 12% คิดเป็นมูลค่า
กว่า 1.28 แสนล้าน ทุนญี่ปุ่นคงอันดับหนึ่งขอรับการส่งเสริมสูงสุด รองลงมาเป็นจีน และสิงคโปร์
  • "บัญชีกลาง" ฟุ้งเบิกจ่ายภาพรวมรอบ 7 เดือน ปีงบประมาณ 2562 กระฉูดแตะ 1.97 ล้านล้านเคทีซีโกยกำไรไตรมาส
แรก 1,589.42 ล้านบาท
  • ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า โลกการค้าขณะนี้เปลี่ยนแปลงอย่าง
รวดเร็ว สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนขณะนี้ ส่งผลให้การค้าโลกกระทบผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็ม
อี) ซึ่งทำธุรกิจส่งออก ทางสสว.โดยฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูลและสถานการณ์เตือนภัยเอสเอ็มอีอยู่ระหว่างวิเคราะห์ข้อมูล สถานการณ์และผล
กระทบในภาพรวม เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจน คาดว่าจะสามารถสรุปภายในเดือนก.ย.62
  • ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ นักลงทุนในตลาดทุนเป็นห่วงการมีเสถียรภาพและเอกภาพของ
รัฐบาลใหม่เนื่องจากผลการเลือกตั้งครั้งนี้ต่างจากที่ผ่านมาเพราะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและการจับขั้วของแต่ละพรรคการเมืองมีคะแนนเสียง
ไม่ได้ห่างมากนัก เบื้องต้นคาดว่าจะร่วมเสียง 20 พรรค แต่ได้คะแนนเพียง 253-255 เสียง อาจส่งผลให้การบริหารประเทศ โดย
เฉพาะการแบ่งปันกระทรวงเศรษฐกิจ ทำให้การกำหนดนโยบายไม่มีประสิทธิภาพ และอาจเกิดการทำงานแบบไซโล หรือการทำงานที่ไม่
แชร์ข้อมูลระหว่างกันทำให้บุคคลที่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ต้องมีความรู้ด้านเศรษฐกิจเพื่อควบคุมสถานการณ์และตัดสินใจได้ทันที
  • กระทรวงการคลังของจีนแถลงว่า จีนจะเพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ
25% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.

ทั้งนี้ สินค้าในภาคเกษตรของสหรัฐจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการขึ้นภาษีในครั้งนี้ หลังจากที่ถูกกระทบก่อนหน้านี้จากการ ทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยรายการสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น รวมถึง ถั่ว น้ำตาล ข้าวสาลี ไก่ และไก่งวง

  • คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้เปิดเผยแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนวงเงิน 3 แสน
ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเป็น 25% ขณะที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนกำลังทวีความรุนแรงขึ้น

สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ระบุว่า รายการสินค้านำเข้าจากจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่นี้ จะครอบคลุม สินค้า 3,805 รายการ

  • รองนายกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่า จีนและสหรัฐได้ตกลงที่จะจัดการเจรจาการค้ากันอีกในกรุงปักกิ่ง ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัล
ด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้สั่งให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ เริ่มต้นกระบวนการกำหนดภาษีสินค้านำเข้าที่เหลือทั้งหมดจาก
จีน
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.)
เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า หลังจากที่จีนเปิดศึกตอบโต้สหรัฐด้วยการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรม
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลัง
จากตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก ท่ามกลางสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน
  • นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., ดัชนีภาคการผลิต
(Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย., สต็อกสินค้าภาค
ธุรกิจเดือนมี.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์,
ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนเม.ย., ดัชนีการผลิตเดือนพ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.
ย.จาก Conference Board และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
  • ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว เปิดเผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และนายสี จิ้นผิง
ประธานาธิบดีจีน อาจพบปะกันในการประชุม G20 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 28-29 มิ.ย.นี้ที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ