น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ คาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยในปีนี้น่าจะลดลงจากเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าขยายตัวที่ 8% เมื่อเทียบกับปี 61 เนื่องจากผลกระทบจากการที่สหรัฐฯได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรอบใหม่เป็น 25% และจีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯเป็นการตอบโต้ว่า จะมีผลทำให้เศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของโลก ชะลอตัวลงมาก และยังทำให้ตลาดเงิน ตลาดหุ้นโลกผันผวนหนัก ทุกประเทศได้รับผลกระทบหมด
แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่ามูลค่าส่งออกไทยปีนี้จะลดลง 2% ตามที่สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ประเมินหรือไม่ แต่ในเมื่อเศรษฐกิจโลกลดลง เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญลดลง กำลังซื้อลดลง การนำเข้าสินค้าจากไทยย่อมลดลงตาม ขณะเดียวกัน ไทยยังส่งออกไปประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากสหรัฐฯ จีน และประเทศที่เป็นห่วงโซ่การผลิตสินค้าของจีนอีก ซึ่งประเทศเหล่านี้ก็ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าด้วยเช่นกัน
"สงครามการค้าครั้งนี้ เกิดผลกระทบมากไปทั่วโลก ไม่รู้จะยืดเยื้อแค่ไหน เพราะสหรัฐฯอาจปรับขึ้นภาษีจีนรอบใหม่อีก ซึ่งทำให้เศรษฐกิจ และกำลังซื้อโลกลดลง แน่นอนว่า ย่อมกระทบต่อการส่งออกไทยแน่นอน ในปีนี้ถ้าส่งออกขยายตัวได้ 2-3% ถือว่าดีแล้ว แต่จะขยายตัวได้เท่าไร หรือกระทรวงจะปรับลดเป้าหมายปีนี้ใหม่หรือไม่ ต้องรอผลการประเมินสถานการณ์ร่วมกับทูตพาณิชย์ปลายเดือนพ.ค.นี้ก่อน ซึ่งรองนายกฯ (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ได้สั่งการให้ประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน และทำแผนผลักดันการส่งออกอย่าละเอียด ลงลึกให้มากที่สุด"รมช.พาณิชย์ กล่าว
น.ส.ชุติมา กล่าวว่า การปรับแผนส่งเสริมการส่งออกที่ในปีนี้จะเน้นการบุกเจาะตลาดเมืองรองและมณฑลรองของจีน, รัฐใหม่ๆ และรัฐที่มีศักยภาพรองลงไปของสหรัฐฯ และอินเดีย รวมถึงตลาดอื่นๆ ที่ยังมีศักยภาพทั้งตะวันออกกลาง แอฟริกา น่าจะเริ่มเห็นผลดีต่อการส่งออกไทยในช่วงปลายปีนี้เป็นไปได้ แต่จะเห็นผลชัดเจนในปีหน้า แต่ถือว่าดีกว่าที่ไทยไม่ได้ดำเนินการใดๆ เลย แต่ในปีนี้ การบุกเจาะตลาดเมืองรอง และมณฑลรองของจีน ที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 61 น่าจะเริ่มเห็นผลดีบ้างแล้ว