ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.61/62 กลับมาอ่อนค่าตามทิศทางภูมิภาค หลังตลาดรับข่าวสงครามการค้าไปพอสมควร คาดกรอบพรุ่งนี้ 31.55-31.70

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 16, 2019 17:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยุ่ที่ระดับ 31.61/62 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วง เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.53 บาท/ดอลลาร์

เงินบาททยอยปรับอ่อนค่าขึ้นมาเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเปิดตลาดในช่วงเช้าจนมาถึงในช่วงเย็น ซึ่งคาด ว่าตลาดซึมซับข่าวสงครามการค้าไปค่อนข้างมากแล้ว จึงมีการรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ ซึ่งการอ่อนค่าของเงินบาท เป็นไปในทิศทางเดียวกับ สกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาคที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน

"บาทค่อยๆ อ่อนค่าหลังจากที่เปิดตลาดในช่วงเช้า คงเป็นเพราะซึมซับข่าว trade war ไปค่อนข้างมากแล้ว จึงรีบาวด์ขึ้น มา" นักบริหารเงินระบุ

ทั้งนี้ สถานการณ์การเมืองในประเทศช่วงนี้อาจจะยังไม่มี effect กับค่าเงินบาทมากนัก เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง โดย คงต้องจับตาดูในช่วงปลายเดือนพ.ค.นี้ หลังจากมีการเปิดประชุมรัฐสภา ซึ่งจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี และความชัดเจนในเรื่องการจัด ตั้งรัฐบาลใหม่

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.55 - 31.70 บาท/ดอลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.56/60 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 109.40 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1211/1213 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1207 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,614.75 จุด ลดลง 6.52 จุด (-0.40%) มูลค่าการซื้อขาย 60,378 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,954.68 ลบ.(SET+MAI)
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 62 ลงเหลือ 3.5% จากเดิม
3.8% พร้อมปรับลดการส่งออกปีนี้ ลงเหลือเพียง 0.5% จากเดิม 3.9% โดยมองว่าปัจจัยลบสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ คือ สงครามการ
ค้าระหว่างสหรัฐและจีน, เงินบาทมีแนวโน้มผันผวน, ความไม่แน่นอนทางการเมืองส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ และความ
เสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น
  • ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 62 มีโอกาสจะขยายตัวต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ที่
3.8% เนื่องจากสถานการณ์การค้าโลกรุนแรงกว่าคาด ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยและการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุน ขณะที่ค่าเงิน
บาทยังมีความผันผวน โดยมีสาเหตุจากปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ดี ธปท.เตรียมทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยใหม่ใน
เดือน มิ.ย.
  • รมว.คลัง ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ในกรอบ 3-4% หรืออยู่ที่ระดับ 3.8% ตามที่เคยประเมินไว้ เนื่องจาก
พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังมีความแข็งแกร่ง แม้จะต้องเผชิญผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนก็ตาม นอกจากนี้ ไทยยังมี
ความมั่นคงทางการเงินการคลัง เป็นประเทศที่น่าลงทุน หนี้ต่างประเทศอยู่ในระดับต่ำ เงินทุนสำรองของประเทศยังอยู่ในระดับสูง แต่ทั้งนี้
ต้องขึ้นกับรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารจัดการเศรษฐกิจในภาพรวมด้วย
  • สื่อต่างประเทศ รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เตรียมลงนามในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี
(Executive Order) ในสัปดาห์นี้ โดยจะให้เวลาสหภาพยุโรป (EU) กับญี่ปุ่น 180 วัน ที่จะจำกัดการส่งออกรถยนต์มายังสหรัฐ เพื่อ
แลกกับการชะลอการเรียกเก็บภาษี

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า สหรัฐจะไม่เรียกเก็บภาษีจากเกาหลีใต้ทั้งในครั้งนี้และในอนาคต หลังทั้งสองฝ่ายได้มีการเจรจา ข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคี

  • ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี ปิดปรับตัวลดลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนได้เข้าซื้อพันธบัตร หลังการประมูล
พันธบัตรอายุ 5 ปีล็อตใหม่เป็นไปอย่างคึกคัก โดบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหมายเลข 354 ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว ปิดที่ -
0.065% ลดลง 0.010% จากระดับปิดเมื่อวานนี้ ส่วนราคาสัญญาล่วงหน้าพันธบัตรอายุ 10 ปี ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.07 จุด แตะ
152.83 จุด ที่ตลาดหุ้นโอซาก้า
  • นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เตรียมจะจัดการเจรจาร่วมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 27 พ.ค.นี้
โดยคาดว่าผู้นำทั้งสองประเทศ จะหารือกันในประเด็นเกาหลีเหนือ และการค้าทวิภาคี
  • ธนาคารกลางมาเลเซีย ประกาศมาตรการริเริ่มต่างๆ หลายมาตรการในวันนี้ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ความสามารถใน
การเข้าถึง และสภาพคล่องของตลาดตราสารหนี้ และตลาดปริวรรตเงินตรา โดยธนาคารกลางมาเลเซีย จะเพิ่มปริมาณพันธบัตรที่ออก
จำหน่ายมาแล้วระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งจะกู้ยืมผ่านข้อตกลงซื้อคืนสำหรับกิจกรรมการกำกับดูแลตลาด โดยธนาคารกลางจะทำให้การทำธุรกรรม
อัตราแลกเปลี่ยน และกระบวนการด้านเอกสารมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น เพื่อสนับสนุนนักลงทุนในการเข้าถึงตลาดปริวรรตเงินตรา นอกจาก
นี้ ธนาคารกลางจะส่งเสริมความสามารถในการกำกับดูแลตลาดของสำนักงานต่างชาติที่ได้รับการแต่งตั้ง (Appointed Overseas
Offices) เพื่อรับประกันการเข้าถึงตลาดสกุลเงินริงกิตได้อย่างเพียงพอด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ