นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.66 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวาน นี้ที่อยู่ที่ระดับ 31.61/62 บาท/ดอลลาร์
"เมื่อคืนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่างออกมาดี ทำให้นักลงทุนคลายกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ" นักบริหารเงินระบุ
สำหรับวันนี้ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทระหว่าง 31.60-31.75 บาท/ดอลาร์ โดยยังต้องติดตามประเด็น สงครามการค้า การเมืองและตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศที่จะมีการเปิดเผยออกมาในช่วงสัปดาห์หน้า
THAI BAHT FIX 3M (16 พ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.67436% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.71307%
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.96 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 109.56/60 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1180 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ 1.1211/1213 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.5690 บาท/ดอลลาร์
- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.)
เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านที่พุ่งขึ้นสูงกว่าคาดการณ์ในเดือนเม.ย.
- ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ระบุว่า หากสหรัฐฯ และจีนยังไม่มีความคืบหน้าในข้อตกลง
ในระยะเวลาอันใกล้และเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งหลังของปีฟื้นตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ จะส่งผลให้ตัวเลขมูลค่าการเติบโตของการส่งออก
ไทยในรูปดอลลาร์สหรัฐอาจมีความเสี่ยงต่ำกว่าที่ SCB EIC ประเมินไว้ที่ 2.7% ในปี 2562 โดยเฉพาะหากข้อตกลงทางการค้าสหรัฐฯ
และจีนยังมองไม่เห็นความเป็นไปได้ในการยุติข้อพิพาทในอนาคตและสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนทั้งหมด จึงนับเป็นความเสี่ยงด้านต่ำต่อผู้
ประกอบการและผู้ส่งออกไทยที่ต้องพึ่งพาตลาดจีนที่ยังคงต้องเฝ้าติดตามความคืบหน้าการเจรจาสงครามการค้าอย่างใกล้ชิด
- คลังเตรียมหารือแบงก์ชาติขอแก้เกณฑ์แอลทีวี หลังแบงก์เริ่มรับผลกระทบยอดปล่อยสินเชื่อ เม.ย.หดหวั่นกระทบ
อุตสาหกรรมต่อเนื่อง ด้าน ธปท.รอประเมินผล ออมสินเล็งออกมาตรการ ช่วยลูกค้า
- ธอส.หารือคลังขอผ่อนปรนเกณฑ์คุมแอลทีวีของ ธปท.ชี้ส่งผลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อ่วมทั้งสาย ขณะที่ผู้ประกอบการชี้ไตรมาส
แรกคนแห่โอนบ้านหนีมาตรการเพียบ ธปท.ยืนยันช่วยลดเก็งกำไร ขอเวลาอีกระยะดูผลกระทบ
- รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย เปิดเผยว่า หลังจากมาตรการดูแลสินเชื่อที่อยู่
อาศัย (มาตรการแอลทีวี) ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยของ
ธนาคารไม่เติบโตมากนัก และยอดสินเชื่อส่วนนี้หายไปเกือบครึ่ง แต่มองว่าในระยะยาวถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้ระดับหนี้ครัวเรือนลด
ลงอยู่ในระดับที่เหมาะสม แม้ธนาคารปล่อยกู้ยากขึ้นและได้สินเชื่อน้อยลงก็ตาม
- ผู้ช่วยกรรมการ ผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัทจดทะเบียน หรือบจ. ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่ง
ประเทศไทย (ตลท.) จำนวน 557 บริษัท หรือคิดเป็น 96% ของมูลค่าตามราคาตลาด หรือมาร์เก็ตแคป ทั้งหมด ได้ประกาศงบไตรมาส
แรก ปี 62 แล้วโดยมีกำไรสุทธิรวมกัน 2.65 แสนล้านบาท เติบโต 64.2% เทียบกับไตรมาส 4 ปี 61 แต่ลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับช่วง
เดียวกันของปีก่อน
- ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายก
รัฐมนตรี ได้ประชุมร่วมกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม และนาย อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง รวมทั้งผู้บริหารรัฐวิสาหกิจที่
มีวงเงินลงทุนขนาดใหญ่ 19 แห่ง โดยได้มอบนโยบายให้รัฐวิสาหกิจเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนในไตรมาสที่ 2 และ 3 ปี 62 ให้ได้เพิ่มขึ้นกว่า
แผนที่กำหนด
- เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 16-17 พ.ค.นี้ ผู้แทนจาก
ธนาคารโลกได้เดินทางมารวบรวมและเก็บข้อมูลในการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ 2563 หรือ Doing Business
2002 โดยเมื่อวันที่ 16 พ.ค. ได้พบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้าน
เศรษฐกิจ รวมถึงส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ และวันที่ 17 พ.ค.จะไปพบธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานเศรษฐกิจการ
คลัง (สศค.) และภาคเอกชนไทยและต่างประเทศ "ผลการจัดเก็บอันดับปี 63 คาดว่าจะดีขึ้นจากปี 62 ที่ได้รับการจัดอันดับที่ 27 จาก
ก่อนหน้านี้ไทยถูกจัดอันดับอยู่ที่ 190 เมื่อปี 61 เนื่องจากการนำระบบดิจิทัลมาใช้หลายเรื่องทำให้การอำนวยความสะดวกของส่วนราชการ
และรัฐวิสาหกิจดีขึ้นคาดว่าปีนี้ส่วนราชการจะให้บริการเร็วขึ้น 30-40%
- มติกกต.เอกฉันท์ ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย สมาชิกภาพสส. "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ประเด็นถือครองหุ้นสื่อ
ขาดคุณสมบัติลงผู้แทนฯ
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 5.7% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่
ระดับ 1.235 ล้านยูนิต จากระดับ 1.168 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะ
อยู่ที่ระดับ 1.205 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย.
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ
212,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะลดลงสู่ระดับ 220,000
รายในสัปดาห์ที่แล้ว
- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.)
เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านที่พุ่งขึ้นสูงกว่าคาดการณ์ในเดือนเม.ย.
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
และเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นหุ้น หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การแข็ง
ค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดทองคำ
- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.จาก
Conference Board และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
- จับตาการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติเพื่อห้าม
บริษัทของสหรัฐจากการใช้เทคโนโลยีและบริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของบริษัทที่สหรัฐเชื่อว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ
ซึ่งเป็นการดำเนินการที่พุ่งเป้าอย่างชัดเจนไปที่บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ของจีน โดยคำสั่งดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาที่สหรัฐและจีนทำการ
ตอบโต้กันในสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน และการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก