ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.98/32.00 อ่อนค่าต่อเนื่องจากช่วงเช้า จับตาความชัดเจนจับขั้วตั้งรัฐบาล คาดกรอบพรุ่งนี้ 31.90-32.10

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 23, 2019 17:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.98/32.00 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.94 บาท/ดอลลาร์

ตลอดทั้งวันเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ และพยายามขึ้นไป test ที่ระดับ 32.00 บาท/ดอลลาร์ ตั้งแต่เมื่อวาน แต่ โดยภาพรวมแล้ววันนี้ยังไม่มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทมากนัก ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐในระยะนี้ มีแนวโน้มแข็งค่าเมื่อ เทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ

อย่างไรก็ดี วันพรุ่งนี้คงต้องให้ความสำคัญกับปัจจัยการเมืองในประเทศ เพราะเชื่อว่าน่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในเรื่อง การจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งอาจจะมีผลต่อทิศทางของเงินบาทได้บ้าง

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.90 - 32.10 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.00/02 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 110.18 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1133/1137 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1155 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,609.79 จุด ลดลง 17.12 จุด (-1.05%) มูลค่าการซื้อขาย 47,047 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,512.74 ลบ.(SET+MAI)
  • ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ปรับลดคาดการณ์มูลค่าส่งออกของไทยปี 2562 เหลือขยาย
ตัวเล็กน้อยที่ 0.6% จากเดิมคาดไว้ที่ 2.7% โดยสาเหตุของการปรับลดประมาณการ เกิดจากข้อมูลจริงของมูลค่าการส่งออกสินค้าในช่วง
4 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.62) หดตัวถึง -4.2% ซึ่งเป็นการหดตัวที่สูงกว่าคาด นอกจากนี้ สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนและ
สหรัฐฯ ที่กลับมาปะทุอีกครั้งก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญ โดยปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาในช่วงต่อไป ยังเป็นเรื่องสงครามการค้าที่อาจเพิ่มระดับ
ความรุนแรงได้อีก
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.62 อยู่ที่ระดับ 95.0 ลด
ลงจากระดับ 96.3 ในเดือนมี.ค.62 และเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน สาเหตุจากผู้ประกอบการเร่งการผลิตไปในช่วง
เดือนก่อนหน้า เพื่อชดเชยการผลิตในเดือนเม.ย.ที่มีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน นอกจากนี้ ผู้ประกอบการกังวลต่อกำลังซื้อในภูมิภาคที่ลดลง
จากผลของภาวะภัยแล้ง รวมทั้งการส่งออกที่ชะลอตัวจากการค้าโลก
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เผยดัชนีความสามารถในการแข่งขันของ SMEs ไตรมาส 1/2562 อยู่
ที่ระดับ 48.7 ปรับตัวลดลง 0.3 จุด เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2561 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 49.0 ซึ่งผู้ประกอบการกำลังเผชิญผลกระทบจาก
เศรษฐกิจโลก และปัญหาสงครามการค้าที่สหรัฐและจีนต่างมีมาตรการตอบโต้กันมากขึ้น โดยผู้ประกอบการต้องการให้ภาครัฐเข้ามาช่วย
เหลือด้านมาตรการภาษี การจัดหาตลาด และการเข้าถึงสินเชื่อให้ง่ายขึ้น
  • สื่อต่างประเทศ รายงานว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ อาจจะประกาศลาออกจากตำแหน่งในวันศุกร์นี้ ภาย
หลังจากที่ต้องเผชิญแรงกดดันจากทั้งพรรคฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาล อันเนื่องมาจากความล้มเหลวในการผลักดันร่างข้อตกลงในการถอน
ตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรป (Brexit)
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐอยู่ในระหว่างการพิจารณาเรื่องการเพิ่มบัญชีรายชื่อบริษัทจีนที่จะถูกขึ้นบัญชีดำ เพื่อสั่งห้ามซัพพลาย
เออร์ของสหรัฐไม่ให้ทำธุรกิจด้วย หลังจากที่บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ถูกขึ้นบัญชีดำใน Entity List ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อของบริษัทด้าน
การสื่อสารโทรคมนาคมที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐเข้าซื้ออุปกรณ์ต่างๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐ
  • เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของสหรัฐ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่เน้นเจรจาในประเด็นการค้า ในระหว่าง
การเดินทางเยือนญี่ปุ่นเป็นเวลา 4 วัน ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันเสาร์นี้ นับเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศอาจไม่สามารถ
บรรลุข้อตกลงด้านการค้าในระหว่างการเดินทางเยือนครั้งนี้ได้ ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าว มีขึ้นหลังจากที่ผู้แทนการค้าจากสหรัฐและ
ญี่ปุ่นไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการปรับลดภาษีสินค้าอุตสาหกรรม อาทิ ยานยนต์ และสินค้าเกษตร ในระหว่างการเจรจาที่จัดขึ้นที่สหรัฐ
  • สหรัฐฯ จะรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในปลายสัปดาห์นี้ เช่น ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับ
สวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดารฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ค. และยอดสั่งซื้อสินค้า
คงทนเดือนเม.ย.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ