(เพิ่มเติม) ครม.ไฟเขียวโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ เส้นทางบ้านไผ่-นครพนม มูลค่า 66,848 ลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 28, 2019 17:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่ - มหาสารคาม - ร้อยเอ็ด - มุกดาหาร - นครพนม ในวงเงิน 66,848 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) ระยะเวลาดำเนินการ 8 ปี (ปีงบประมาณ 2561 - 2568) โดยดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e- bidding) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 หรือที่ประกาศใช้ล่าสุด และเพื่อความคล่องตัวในการบริหารงบประมาณของ รฟท. ให้ รฟท.มีอำนาจในการปรับปรุงรายละเอียดด้านงบประมาณ ค่าก่อสร้าง ค่าจ้างที่ปรึกษา ค่าเวนคืนที่ดิน และรายละเอียดอื่น ๆ ที่สำคัญภายใต้กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ

ในส่วนของแหล่งเงินที่ใช้ในการดำเนินโครงการนั้น กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณมีความเห็นสอดคล้องกันว่า ให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณประจำปีให้กับ รฟท. เป็นค่าที่ปรึกษาสำรวจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเวนคืน ค่าเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ และค่าจ้างที่ปรึกษาประกวดราคา วงเงินรวม 10,255 ล้านบาท

สำหรับค่าก่อสร้าง จำนวน 55,462 ล้านบาท และค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง จำนวน 1,131 ล้านบาท (รวมเป็นเงิน 56,543 ล้านบาท) ให้กระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้จากแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสม และให้ รฟท.กู้ต่อ โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาจัดลำดับความสำคัญในการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อไป

"ให้รัฐบาลรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการทั้งสิ้น โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายปี และให้กระทรวงการคลัง จัดหาแหล่งเงินกู้ และค้ำประกันเงินกู้ภายในประเทศให้ตามความเหมาะสม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ" นายณัฐพรระบุ

นายณัฐพร กล่าวว่า โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558 - 2565 ในแผนงานการพัฒนาโครงข่ายรถไฟระหว่างเมือง (การพัฒนาเส้นทางสายใหม่) ระยะที่ 3 และอยู่ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วน พ.ศ.2560 (Action Plan) รวมทั้งโครงการดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งตามแนวตะวันออก - ตะวันตก (East-West Corridor) การพัฒนาโครงข่ายรถไฟตามแนวระเบียงเศรษฐกิจด้านตะวันออก - ตะวันตกตอนบน (Upper East – West Economic Corridor) ช่วงแม่สอด – พิษณุโลก – เพชรบูรณ์ – ขอนแก่น – ร้อยเอ็ด – มุกดาหาร

โดยเป็นโครงการก่อสร้างทางรถไฟใหม่ จำนวน 2 ทาง ความกว้างของรางขนาด 1 เมตร ระยะทางประมาณ 355 กิโลเมตร มีสถานีใหม่ 30 สถานี 1 ชุมทาง ลานบรรทุกตู้สินค้า 3 แห่ง และย่านกองเก็บตู้สินค้า 3 แห่ง ผ่านพื้นที่ทั้งหมด 70 ตำบล 19 อำเภอ 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดยโสธร จังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดนครพนม คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในเดือนมกราคม 2564 และจะเปิดให้บริการได้ในเดือนมกราคม 2568 และจะเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟ ช่วงชุมทางจิระ - ขอนแก่น ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ และศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้าง และโครงการรถไฟ ช่วงแม่สอด - ตาก - กำแพงเพชร - นครสวรรค์ บ้านไผ่ ที่อยู่ระหว่างการศึกษา/ออกแบบโครงการ

นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดการเชื่อมโยงจากท่าเรือย่างกุ้ง และท่าเรือละแหม่งในประเทศเมียนมา ไปยังท่าเรือดานัง และท่าเรือไฮฟอง ในประเทศเวียดนาม และยังสามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศจีนได้ด้วย

กระทรวงคมนาคมคาดว่าจะมีปริมาณผู้โดยสาร 3,835,260 คน ในปี 2569 ซึ่งจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2.37% ต่อปี และมีปริมาณการขนส่งสินค้า 748,453 ตัน ในปี 2569 ซึ่งจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1.19% ต่อปี โครงการนี้จะมีผลตอบแทนทางการเงินที่ 0.42% และผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ที่ 13.49%

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า วงเงิน 66,848.33 ล้านบาทนั้น จะมีค่าเวนคืน จำนวน 10,255.33 ล้านบาท พื้นที่เวนคืน 7,100 แปลง ซึ่งในปี 2562 จะดำเนินการออก พ.ร.ฎ.เวนคืนเพื่อจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ปี 2563 ดำเนินการประกวดราคา และก่อสร้างปี 2563-2567 (ระยะเวลา 5 ปี) คาดว่าจะสามารถเริ่ม การก่อสร้างในเดือนมกราคม 2564 แล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2567สามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ในเดือนมกราคม 2568

ส่วนรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะผู้ชำนาญการ (คชก.) ซึ่งจะดำเนินการประมูลคู่ขนานและลงนามสัญญาผู้รับจ้างได้เมื่อ EIA อนุมัติแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ