ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.32/34 แนวโน้มยังแข็งค่า คาดกรอบพรุ่งนี้ 31.25-31.45 จับตาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีพรุ่งนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 4, 2019 17:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.32/34 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.32/36 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทตลอดทั้งวันนี้ยังคงอยู่ในทิศทางที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ สอดคล้องกับค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งมี สาเหตุหลักมาจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาไม่ค่อยดี อีกทั้งนักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาสจะปรับลดดอกเบี้ยได้ อีกถึง 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งปัจจัยนี้มีผลให้ตลาด re-act ค่อนข้างรุนแรง

ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศ คงต้องจับตาการลงมติของรัฐสภาวันพรุ่งนี้ (5 มิ.ย.) ในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่ ทั้งนี้ เงินบาทอาจจะไม่ได้เคลื่อนไหวแรงจากปัจจัยนี้มากนัก เพราะตลาดคาดการณ์ไว้แล้วว่าผลจะออกมาอย่างไร

นักบริหารเงิน คาดว่าพรุ่งนี้ทิศทางเงินบาทจะยังแข็งค่า โดยเคลื่อนไหวในกรอบ 31.25 - 31.45 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 108.02/06 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 107.79/108.00 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1245/1250 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1237/1258 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,637.69 จุด เพิ่มขึ้น 17.47 จุด (+1.08%) มูลค่าการซื้อขาย 65,213 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 5,824.86 ลบ.(SET+MAI)
  • จับตาการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล ก่อนที่รัฐสภาจะมีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (5 มิ.ย.) ซึ่งเย็นนี้ต้องติดตามว่า
พรรคประชาธิปัตย์จะตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ขณะที่พรรคเพื่อไทย ตัดสินใจไม่ส่งใครลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
แต่จะสนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์
โอชา
  • กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค.62 เพิ่มขึ้น 1.15% จากช่วง
เดียวกันของปีก่อน แต่เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงจากเดือนเม.ย.62 ที่เงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 1.23% ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นในอัตราที่
ชะลอตัวดังกล่าวเป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์เตรียมปรับค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อของทั้งปีนี้ใหม่ ซึ่งคาด
ว่าจะเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.2% ที่เคยประเมินไว้ โดยขอรอดูเงินเฟ้อในเดือนมิ.ย.อีกครั้ง แต่ทั้งนี้ยังคงกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ตามเดิม
ที่ 0.7-1.7% ในปีนี้
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ให้มุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.20-
31.55 บาทต่อดอลลาร์ ตลาดการเงินจะจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และข้อมูลการจ้างงานเดือนพ.ค.ของสหรัฐฯ ส่วน
ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่าการลดดอกเบี้ยของเฟดอาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้า
โลก และอัตราเงินเฟ้อต่ำของสหรัฐฯ
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนพ.ค.62 อยู่ที่ระดับ 50.1 ปรับเพิ่มขึ้นเล็ก
น้อยจากเดือนเม.ย.62 จากความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคการผลิตที่มีความเชื่อมั่นด้านการผลิตและคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มผลิต
ยานยนต์ และกลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่ดัชนีฯ ของภาคที่มิใช่การผลิตค่อนข้างทรงตัวจากเดือนก่อน โดยความเชื่อมั่นของกลุ่มที่พักแรม
และร้านอาหาร รวมทั้งกลุ่มบริการทางการเงินยังมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น แต่กลุ่มคลังสินค้าและกิจกรรมสนับสนุนการขนส่งปรับลดลงบ้าง
  • ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ระบุว่า เฟดจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ เพื่อ
กระตุ้นเงินเฟ้อ และเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเผชิญภาวะขาลง อันเนื่องมาจากสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น นอก
จากนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ยังอาจใช้เป็นหลักประกันในการพยุงเศรษฐกิจ ในกรณีที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์
ไว้
  • ประธานและซีอีโอของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซาน ฟรานซิสโกกล่าวว่า ความไม่แน่นอนด้านการค้าสร้างความ
กังวลอย่างมากต่อนักลงทุนและภาคธุรกิจ แต่เศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้เผชิญกับความเสี่ยงเดียวในขณะนี้
  • ผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐในประเด็นที่เกี่ยวกับจีน ได้กล่าวแสดงความเห็นว่า สมุดปกขาว (White Paper) ที่ทางการจีนได้
เผยแพร่เกี่ยวกับจุดยืนในประเด็นเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐนั้น ถือเป็น "สัญญาณที่ชัดเจน" ว่า จีนต้องการเจรจาการค้ากับสหรัฐ ด้วย
ความเท่าเทียมและมีศักด์ศรี
  • สื่อต่างประเทศรายงานว่า ทางการจีนได้ออกประกาศเตือนบริษัทและนักท่องเที่ยวชาวจีนในวันนี้ ถึงความเสี่ยงในการ
ดำเนินธุรกิจและเดินทางท่องเที่ยวในสหรัฐ
  • ประธานาธิบดีเม็กซิโก กล่าวว่า มีความหวังอย่างมากว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐได้ก่อนวันที่ 10 มิ.ย. ที่
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐขีดเส้นตายไว้ว่าจะเริ่มเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกเพิ่ม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ