ศูนย์วิจัย ธ.ก.ส.คาดราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ-ข้าวเปลือกเหนียว-น้ำตาลทรายดิบ-สุกร เดือนมิ.ย.มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 6, 2019 16:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตร เดือนมิถุนายน 2562 ว่า สินค้าเกษตรที่จะมีราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ คาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.22-0.50% อยู่ที่ราคา 15,735-15,780 บาท/ตัน

ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.24-1.69% อยู่ที่ราคา 11,250-11,300 บาท/ตัน เนื่องจากความกังวลจากภาวะภัยแล้งที่คาดว่าจะทำให้ผลผลิตข้าวลดลง ผู้ประกอบการค้าข้าวจึงต้องการเก็บข้าวไว้ในสต็อกเพิ่มขึ้น

น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 2.50-5.00% อยู่ที่ราคา 11.84-12.13 เซนต์/ปอนด์ (8.32-8.52 บาท/กก.) โดยคาดการณ์ว่าในเดือนมิถุนายนจะมีฝนตกชุกในพื้นที่เพาะปลูกอ้อยของบราซิลซึ่งอาจส่งผลให้มีการชะลอการเก็บเกี่ยวอ้อยออกไป ประกอบกับคาดการณ์ว่าผลผลิตน้ำตาลโลกในปี 2562 ถึง 2563 จะลดลง 1.9% คงเหลือ 182.2 ล้านตัน โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลผลิตน้ำตาลของประเทศไทยและประเทศอินเดียที่คาดว่าจะลดลง ซึ่งส่งผลให้ปริมาณผลผลิตอ้อยของโลกลดลงเช่นกัน

สุกร ราคาจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน 0.50–2.82% อยู่ที่ราคา 71.00–73.00 บาท/กก. เนื่องจากความต้องการบริโภคเนื้อสุกรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นทั้งจากในและต่างประเทศ ประกอบกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ส่งผลให้สุกรเจริญเติบโตช้า ทำให้ปริมาณสุกรออกสู่ตลาดลดลง

ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% คาดว่าราคาจะลดลงจากเดือนก่อน 0.47-1.24% อยู่ที่ราคา 7,753-7,813 บาท/ตัน เนื่องจากค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากภาวะสงครามการค้าระหว่างประเทศจีนและประเทศสหรัฐอเมริกา ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย

ยางพาราแผ่นดิบ ราคาจะลดลงจากเดือนก่อน 1.21–3.78% อยู่ที่ราคา 45.27-46.48 บาท/กก. เนื่องจากตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม เกษตรกรจะเริ่มทำการกรีดยาง ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตยางพาราจะทยอยออกสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับความกังวลในสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาจะลดลงจากเดือนก่อน 0.15-1.00% อยู่ที่ ราคา 7.21-7.28 บาท/กก. เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สะสมค่อนข้างมากตั้งแต่กลางเดือนเมษายนจนถึงปลายเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงการเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา ขณะที่ภาคเอกชนมีการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์อื่น ๆ เพิ่มขึ้น

ปาล์มน้ำมัน ราคาจะลดลงจากเดือนก่อน 2.85–11.11% อยู่ที่ราคา 1.75-1.60 บาท/กก. เนื่องจากผลผลิตปาล์มน้ำมันยังคงออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สต็อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศมีปริมาณสูงเกินกว่าความต้องการใช้ในประเทศ ประกอบกับไทยยังไม่สามารถระบาย สต๊อกผ่านช่องทางการส่งออกได้

มันสำปะหลัง ราคาจะลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน 1.59-9.57% อยู่ที่ 1.85-1.70 บาท/กก. เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งต่อเนื่องในพื้นที่เพาะปลูกสำคัญทำให้เกษตรกรยังคงต้องเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อลดภาวะการขาดทุน ส่งผลให้ผลผลิตที่ออกสู่ตลาดไม่ได้คุณภาพ ประกอบกับจีนลดปริมาณการนำเข้ามันเส้น

กุ้งขาวแวนนาไม ราคาจะลดลงจากเดือนก่อน 0.36 – 0.72% อยู่ที่ราคา 137.00 – 138.00 บาท/กก. เนื่องจากกำลังซื้อทั่วโลกที่ลดลง และผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนทำให้การส่งออกกุ้งของไทยลดลง ประกอบกับในช่วงเดือนมิถุนายน คาดว่าจะมีผลผลิตกุ้งขาว แวนนาไมจากอินเดียและเวียดนามออกสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้ปริมาณผลผลิตในตลาดโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคากุ้งขาวแวนนาไมทั่วโลกและไทยมีแนวโน้มลดลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ