ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.56/58 ทรงตัวจากช่วงเช้า ตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่ นลท.รอดูข้อมูลจ้างงานของสหรัฐฯ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 3, 2019 17:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 30.56/58 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 30.55 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทยังเคลื่อนไหวค่อนข้างนิ่ง เนื่องจากวันนี้ยังไม่มีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกับทิศทางของค่าเงินมากนัก โดยนักลงทุน ติดตามดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะตัวเลขที่เกี่ยวกับการจ้างงาน เช่น ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ. ย.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.

"ตลาดรอดูข้อมูลเรื่องการจ้างงานของสหรัฐ เพราะหากออกมาดี เงินบาทก็มีโอกาสจะปรับอ่อนค่าไปได้เล็กน้อย แต่เชื่อว่า คงจะไม่เกินไปจาก 30.65 บาท/ดอลลาร์" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.50-30.65 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.72/74 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 107.54 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1284/1288 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1292 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,738.51 จุด เพิ่มขึ้น 6.28 จุด (+0.36%) มูลค่าการซื้อขาย 63,701 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 165.59 ลบ.(SET+MAI)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระดับที่คาดการณ์ไว้ 3.3% นั้น ยังไม่จำเป็น
ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เพราะยังไม่เห็นถึงความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทยและเสถียรภาพทาง
เศรษฐกิจของประเทศ แต่ ธปท.ก็ไม่ปิดโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย หากการ
ขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไม่เป็นไปตามคาดการณ์ของ ธปท.อย่างมาก และมีความเสี่ยงจะส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
  • กระทรวงพาณิชย์ ยังมั่นใจว่าการส่งออกของไทยในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 3% ท่ามกลางสถานการณ์สงครามการ
ค้า และแม้หลายหน่วยงานได้ทยอยปรับลดอัตราการเติบโตลงเหลือในระดับ 0% แต่ยังเชื่อว่าจากการปรับรูปแบบกิจกรรมทางการตลาดให้
เข้มข้นขึ้น โดยเน้นการเจาะตลาดเป็นรายภูมิภาค รายประเทศ และรายเมือง รวมถึงเมืองรอง ซึ่งจะสร้างโอกาสในการขยายตลาดส่ง
ออกสินค้าและบริการของไทยให้เพิ่มมากขึ้น
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ เตรียมเสนอชื่อสมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ หลังก่อน
หน้านี้ได้วิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดหลายต่อหลายครั้ง
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมิ.ย.ของจีน ซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน ปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดใน
รอบ 4 เดือน เนื่องจากการชะลอตัวของยอดส่งออกได้บดบังความแข็งแกร่งของธุรกิจใหม่ๆภายในประเทศที่ได้รับปัจจัยหนุนจากนโยบาย
ของรัฐบาลและบรรยากาศในตลาดที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น
  • กรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวว่า BOJ จะรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำ
เป็นพิเศษเกินกว่ากรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัจจัยความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจโลก และอัตราเงินเฟ้อที่อยู่
ในระดับต่ำ
  • คณะกรรมการบริหารของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า นายเดวิด ลิปตัน ผู้ช่วยผู้อำนวยการ IMF
จะรักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการ ภายหลังจากที่นางคริสติน ลาการ์ด ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางยุโรป
(ECB)
  • กระทรวงพาณิชย์จีน (MOC) เปิดเผยว่า ทางการกระทรวงจะออกมาตรการเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับการค้าต่าง
ประเทศ
  • นักลงทุนติดตามการรายงายข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ เช่น ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.
ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนพ.ค., ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร
เดือนมิ.ย.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ