ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.91/92 แกว่งแคบ ตลาดรอดูตัวเลข GDP Q2/62 ของสหรัฐฯคืนนี้-จับตาประชุม BOJ-FOMC สัปดาห์หน้า

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 26, 2019 17:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 30.91/92 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ เปิดตลาดที่ระดับ 30.98/31.02 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทค่อนข้างอยู่ในกรอบแคบๆ เคลื่อนไหวไปตามแรงซื้อแรงขายปกติ และตามทิศทางของเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้นเนื่อง จากระหว่างวันไม่มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อทิศทางของค่าเงินบาทมากนัก

"ช่วงเย็นเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากเมื่อเช้า โดยในช่วงเช้าบาทขึ้นไปแตะระดับ 31 บาท/ดอลลาร์ และหลังจากนั้นสายๆ ก็ย่อ ตัวลง ไม่ค่อยมีปัจจัยอะไรมาก วิ่งไปตามแรงซื้อแรงขาย และตามเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้น" นักบริหารเงินระบุ

นักลงทุนติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 2/62 ในคืนนี้

นักบริหารเงิน คาดว่า สัปดาห์หน้าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.80 - 31.00 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 108.60/64 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 108.62 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1140/1143 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1147 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,717.97 จุด ลดลง 12.93 จุด (-0.75%) มูลค่าการซื้อขาย 58,812 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 4,272.65 ลบ.(SET+MAI)
  • ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า บริษัท Moody’s Investors Service (Moody’s)
ได้ปรับมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) จากระดับ "มีเสถียรภาพ (Stable Outlook)" เป็น "เชิงบวก
(Positive Outlook)" และคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Credit Rating) ที่ Baa1 หรือเทียบเท่า BBB+ เกิดจาก
การมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนของภาครัฐและการพัฒนาทุนมนุษย์ที่จะยกระดับความสามารถในการ
แข่งขันทางเศรษฐกิจของไทยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รัฐบาลมีแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใน
เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) วงเงิน 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็น 10% ของ GDP) ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มขีดความ
สามารถในการแข่งขันของไทยผ่านการดึงดูดและส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
  • รมว.คลัง กล่าวในระหว่างการอภิปรายนโยบายรัฐบาล โดยชี้แจงถึงความจำเป็นในการตั้งงบประมาณแบบขาดดุลว่า
รัฐบาลพิจารณาให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนั้น และให้สอดคล้องกับนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ
  • กรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 (ต.ค.61 - มิ.ย.62) สามารถรจัดเก็บภาษีได้
รวม 1.471 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าประมาณการ 55,543 ล้านบาท หรือ 3.9% และสูงกว่าปีก่อน 115,406 ล้านบาท หรือ 8.5%
และคาดว่าช่วงที่เหลือของปีงบ 62 การจัดเก็บภาษีจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว สงครามการค้า เงินบาทแข็งค่า และ
อัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง
  • ดีลเลอร์ เปิดเผยว่า การที่ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่าในที่ประชุม ECB ไม่ได้มีการหารือเรื่องปรับ
ลดดอกเบี้ยนั้น ได้สร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนบางรายที่คาดการณ์ว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบาย ถ้อยแถลงดังกล่าว ทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อ
คืนเงินยูโร ส่งผลให้เงินดอลลาร์และเงินเยนได้รับแรงกดดัน
  • รัฐบาลฮ่องกง เปิดเผยว่า นายเอ็ดดี หยู จะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางฮ่องกง (HKMA) คนใหม่ในวันที่ 1
ต.ค.นี้ โดยจะรับผิดชอบในการดูแลกองทุนมูลค่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ฮ่องกง (5.12 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) และดูแลเรื่องการผูกติดค่า
เงินดอลลาร์ฮ่องกงกับดอลลาร์สหรัฐ
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ยังคงระงับการอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดเงินในวันนี้ โดยให้เหตุผลว่าสภาพคล่องในระบบธนาคาร
ยังคงมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ PBOC ระบุสภาพคล่องโดยรวมในระบบธนาคารยังอยู่ในระดับที่เพียงพอและเหมาะสม โดยเงินฝากของธนาคาร
กลางได้ช่วยชดเชยข้อตกลงซื้อคืน (reverse repo) ที่ครบกำหนดไถ่ถอน
  • นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางสหรัฐใน
สัปดาห์หน้า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ