รมว.คมนาคม สั่งทบทวนจัดลำดับความสำคัญโครงการ เพื่อปรับกรอบงบประมาณปี 63-ดันใช้ยางพาราในงานก่อสร้างเพิ่มขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 1, 2019 09:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดไปทบทวนกรอบประมาณประจำปี 2563 เพื่อจัดสรรและจัดลำดับความสำคัญโครงการ ซึ่งจะพิจารณารวมทั้งโครงการต่อเนื่อง และโครงการใหม่ รวมถึงโครงการที่เป็นนโยบายของรัฐบาล เนื่องจากทางผู้แทนจากสำนักงบประมาณได้หารือถึงแนวทางในการทำงบประมาณ ปี 2563 ซึ่งจะยื่นคำขอตั้งงบประมาณในวันที่ 9 ส.ค. ซึ่งในวันที่ 2 ส.ค.นี้ให้หน่วยงานนำเสนอโครงการที่ใช้งบประมาณไม่เกิน 1,000 ล้านบาท และวันที่ 6 ส.ค. เสนอโครงการที่ใช้งบประมาณเกิน 1,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมมีวิสัยทัศน์ในการดำเนินงาน 5 เรื่อง อ การใช้ประโยชน์จากยางพาราเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ให้มีรายได้เพิ่มอย่างยั่งยืน โดยได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่มีงานก่อสร้าง พิจารณาปรับรูปแบบการก่อสร้างที่จะสามารถนำยางพาราไปใช้เพิ่ม จาก การใช้ยางพาราผสมสำหรับการปูผิวถนน หรือผิวทางแบบพาราสเลอรี่ซีล ซึ่งยังใช้ปริมาณยางพาราเป็นส่วนผสมน้อย หรือถนน 1 ตารางเมตร จะมีเงินตกไปถึงมือเกษตรกร เพียง 13 บาทเท่านั้น

ดังนั้นจึงให้หารูปแบบการใช้ยางพาราเพิ่ม เช่น อุปกรณ์ต่างๆ แบริเออร์ หรือใช้เป็นส่วนผสมทำเป็นหมอนรถไฟ รวมไปถึงกิจการทางน้ำ ท่าเรือ ทางอากาศ มีส่วนใดที่สามารถใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมได้บ้าง โดยจะนำข้อมูลรายงานต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 6 ส.ค.

"ในทางการก่อสร้าง มีวิธีที่จะใช้ยางพาราเข้าไปเป็นส่วนประกอบได้ ซึ่งอาจจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นบ้าง แต่เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และถึงมือเกษตรกร โดยตรง เป็นเรื่องที่ต้องทำ ซึ่งผมได้หารือกับรมว.กระทรวงเกษตรฯแล้ว ว่ากระทรวงคมนาคม จะเร่งทำการบ้าน จากนั้นจะทำMOU กับทางเกษตร เพื่อให้ทางสหกรณ์การเกษตร เป็นผู้ผลิตเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรชาวสวนยาง เชื่อว่าจะเพิ่มการใช้ยางพาราอีกหลายแสนตัน

ส่วนการขอเพิ่มงบเวนคืน มอเตอร์เวย์เส้นทาง บางใหญ่-กาญจนบุรี นั้น รมว.คมนาคม กล่าวว่า ทางสำนักงบประมาณยืนยันว่า มีงบประมาณแล้ว แต่ต้องรอความเห็นกฤษฎีกา ส่วนโครงการที่อยู่ในขั้นตอนนำเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตอ(สศช.) หรือ ยังอยู่ในขั้นการพิจารณารายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ตนพร้อมที่ประสานในระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดัน โดยเฉพาะโครงการลงทุนที่อยู่ในแผนยุทธศาสตร์คมนาคม และการร่วมลงทุนเอกชน (PPP) มีความพร้อม จะต้องเร่งผลักดัน

สำหรับนโยบาย ปรับเพิ่มความเร็วรถไม่เกิน 120 กม./ชม.นั้น นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ได้มอบให้นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ไปร่วมกันจัดทำแผนและหารือกับตำรวจเพื่อร่วมกันทำงาน ให้มีความชัดเจนภายใน 1 เดือน และก่อนที่จะเริ่มดำเนินการ จะต้องประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับประชาชนก่อน โดยจะใช้บังคับเฉพาะถนนที่มี 4 ช่องจราจรขึ้นไป โดยจะกำหนดให้รถบรรทุกและรถช้าต่ำกว่า 80 กม./ชม. ใช้ 2 ช่องทางซ้าย ส่วนรถที่มีความเร็ว 80- 120 กม./ชม. ให้ใช้ 2 ช่องทางขวา นอกจากนี้จะต้องปรับสภาพถนนที่มีจุดกลับรถด้านขวา ให้เป็นจุดกลับรถที่มีช่องทางรอเลี้ยว เพื่อไม่ให้รถที่รอกลับรถกีดขวางช่องทางด้านขวาที่รถวิ่งเร็ว

สำหรับนโยบายปรับลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า นั้น นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ยืนยันว่าจะหาทางทำให้ได้ ซึ่งจะศึกษาให้ได้ความชัดเจนภายใน 3 เดือน ซึ่งราคาที่ 15 บาทนั้น อาจจะออกมาเป็นช่วงของการเดินทาง เช่น สายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน) ซึ่งเป็นของรัฐที่จะสามารถทำได้ก่อนแน่นอน ส่วนเอกชนร่วมลงทุน(PPP) นั้น ต้องพิจารณารายละเอียด เพราะมีเงื่อนไขสัญญาเกี่ยวข้อง ขอให้รอการศึกษาก่อน เพราะให้การบ้านไปแล้วให้หาวิธี โดยไม่เป็นภาระงบประมาณประเทศด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ