รมว.เกษตรฯ ผนึกพลังทูตเกษตร-พาณิชย์ปรับแผนยุทธศาสตร์ มุ่งเน้นการตลาดนำการเกษตร สร้างบทบาทไทยในเวทีโลก

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 1, 2019 18:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวมอบนโยบายในโอกาสเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการให้กับอัครราชทูต อัครราชทูตที่ปรึกษา และกงสุลทั้ง 11 แห่ง ในหัวข้อเรื่อง "การขับเคลื่อนแผนงานด้านการเกษตรต่างประเทศ" ว่า ภารกิจด้านการเกษตรต่างประเทศ มีบทบาททั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการส่งเสริมความเข้มแข็งในกิจกรรมทุกระดับในห่วงโซ่มูลค่า โดยผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ นับว่ามีส่วนสำคัญในการส่งเสริมภาคเกษตรไทยให้เข้มแข็ง เกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการกำหนดนโยบายและกฎระเบียบทางการค้าของแต่ละประเทศ นับเป็นความท้าทายในการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทยในตลาดโลกที่ทุกภาคส่วนต้องรับมือ เพื่อรักษาฐานการตลาดเดิม สร้างโอกาสในการแข่งขันในตลาดใหม่ และลดผลกระทบกับภาคการเกษตรของไทย

ประเทศไทยต้องสร้างบทบาทในเวทีโลก เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การขยายตลาดสินค้าเกษตรไทยในเวทีโลกไม่สามารถแข่งขันกันด้วยปริมาณการค้าในรูปแบบเดิมอีกต่อไป แต่ต้องเพิ่มความสามารถในการแข่งขันโดยการเพิ่มมูลค่าสินค้า ซึ่งภาคการเกษตรของไทยจำเป็นต้องพัฒนาองค์ความรู้ และนวัตกรรมกับประเทศที่มีศักยภาพ ผ่านความร่วมมือในทุกระดับ มุ่งเน้นการตลาดนำการเกษตร โดยหน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานจะต้องทำงานเชื่อมโยงบูรณาการกันอย่างเต็มที่ เพื่อประสานนโยบายให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

"จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างทูตเกษตร และทูตพาณิชย์ ซึ่งได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นการเบื้องต้นแล้ว เพื่อหาแนวทางสนับสนุนขยายการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปต่างประเทศได้อย่างมีศักยภาพ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้เกษตรกรรู้ว่าควรจะปลูกพืชชนิดใด โดยมีตลาดส่งออกที่แน่นอน" นายเฉลิมชัย กล่าว

ปัจจุบัน มุ่งเน้นการทำงานเชิงรุกให้เกษตรกรไทยได้รับประโยชน์สูงสุดใน 4 ประเด็นหลัก คือ 1. มุ่งเน้นความร่วมมือการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อรองรับความผันผวนเศรษฐกิจโลก โดยมุ่งขยายการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไทยอย่างยั่งยืน

2. เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในด้านต่าง ๆ อาทิ การเปิดตลาดสินค้าเกษตรใหม่ "เป็ดปรุงสุก" ซึ่งคาดว่าประเทศไทยจะสามารถเปิดตลาดไปยังตลาดออสเตรเลียได้ การแสวงหาตลาดใหม่ในกลุ่มประเทศ EEU (Eastern Economic Union) ได้แก่ รัสเซีย เบลารุส อาร์เมเนีย คีร์กิซสถาน คาซัคสถาน และประเทศตุรกี ตลอดทั้งการเพิ่มโอกาสการส่งออกสินค้าเกษตรไทยที่มีอนาคต เช่น สมุนไพร ขิง ขมิ้นสด ซึ่งเป็นสินค้าที่ศักยภาพสูงในอเมริกา โดยมีความต้องการนำเข้าถึง 240 ตันต่อปี เพื่อใช้สำหรับการบริโภคและผลิตยา ซึ่งปัจจุบันไทยส่งออกไปอเมริกาประมาณ 60 ตันต่อปี จึงเป็นพืชทางเลือกให้เกษตรกรไทยในอนาคต (อเมริกานำเข้าขมิ้นเกือบ 10,000 ตันต่อปี) นอกจากนี้ มะพร้าวน้ำหอม และสัปปะรดภูแล กุ้งต้มสุกแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์ประมง ก็ยังมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นในจีนด้วย

นอกจากนี้ ยังได้มีการกำชับให้เร่งรัดการจัดทำพิธีสารกับคู่ค้าหรือมาตรการการส่งออกซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งให้สร้าง Demand สินค้าเกษตรของไทย ผ่าน Digital Platform เพื่อเชื่อมโยงตลาดเกษตรสินค้าเกษตรของไทยกับตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยต้องมีพืชส่งออกที่แน่นอน มีการวางแผนเพื่อให้เกษตรกรได้รู้ว่าปีหน้าควรจะปลูกพืชชนิดใด จึงจะมีตลาดรองรับ

3. เผยแพร่ศาสตร์พระราชาและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในองค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้งในภูมิภาคแอฟริกา หมู่เกาะแปซิฟิค

4. การบูรณาการการทำงานทั้งในและนอกกระทรวงฯ โดยการดำเนินงานทุกเรื่องขอให้เกษตรกรได้รับประโยชน์สูงสุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ