นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สภาหอการค้าฯ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ได้เข้าพบกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อหารือถึงปัญหาด้านการค้าการลงทุนต่างๆ โดยได้มีข้อเสนอต่อ ธปท.ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม เนื่องจากเงินบาทยังแข็งค่าอยู่ และให้ดูแลการเคลื่อนย้ายเงินทุน ดูเงินไหลเข้าไหลออก หากพบสัญญาเก็งกำไรให้มีมาตรการดูแล
ที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการโดยเฉพาะการส่งออกภาคเกษตรร้องเรียนมาก เพราะประสบปัญหาขีดความสามารถในการแข่งขันจากภาวะเงินบาทแข็งค่า ซึ่งเมื่อเทียบคู่แข่งที่มีค่าเงินอ่อน จึงทำให้มีความเป็นห่วง ประกอบกับจีนได้ปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงอีก ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีปัญหามาก ดังนั้นจึงขอให้ ธปท.หามาตรการอื่นมาเสริมโดยด่วน เพื่อไม่ให้กระทบต่อความสามารถแข่งขัน และฝากรัฐบาลดูเรื่องค่าแรง เพราะถ้าเพิ่มค่าแรงจะกระทบต่อผู้ประกอบการอีกมาก
นอกจากนี้ยังเสนอให้ ธปท. สนับสนุนไทยเป็นศูนย์กลางของการเงิน รวมทั้งสนับสนุนสกุลเงินท้องถิ่นมากขึ้น และให้ใช้สกุลเงินบาทในการค้าขาย เช่นในหลายประเทศได้ใช้เงินบาทแล้ว โดยออสเตรเลียมีสัดส่วน 34% ด้านลาว 60% พม่า 50% ถือเป็นเรื่องที่ดี
"ต้องขอบคุณผู้ว่าการธปท.ที่ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องมีมาตรการอื่นมาเสริมด้วย และสภาหอการค้าฯ ได้มาเสนอมาตรการ รวมทั้งมารายงานปัญหา ซึ่งผู้ว่าการธปท.ก็ได้เห็นด้วย และรับไปพิจารณาศึกษาข้อเสนอต่างๆ โดยเป็นการหารือไม่ใช่ต้องทำตาม"นายกลินท์ระบุด้านนายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ได้มาเสนอตัวเลือกช่วยลดผลกระทบจากมาตรการLTV โดยเสนอตั้งคณะทำงานทบทวนมาตรการ LTV เป็นรายไตรมาส เพื่อดูผลกระทบและแก้ไข
"ซึ่งปัญหาคือระยะเวลาผ่อนดาวน์จนก่อสร้างเสร็จ ใช้เวลาไม่เท่ากัน เป็นการฝืนตลาด เป็นการฝืนธรรมชาติ ธปท.จะมีวิธีไหนผ่อนปรนให้ตลาดขยับได้ มาตรการ LTV ใช้รวมกันทั้งแนวราบ แนวสูงไม่ได้ เพราะแนวราบไม่พบเก็งกำไรมาหลายสิบปีแล้ว และยังทำให้อัตราการกู้ไม่ผ่านเพิ่มขึ้นเท่าตัว จากปกติกู้ไม่ผ่าน 20% แต่ตอนนี้กู้ไม่ผ่านถึง 40% อาจทำให้ตลาดทรุดลงไปอีก" นายอธิประบุนายธาริฑธิ์ ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตรวจสอบและวิเคราะห์ความเสี่ยงสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า ธปท.ยังไม่ผ่อนปรนเงื่อนไขมาตรการ LTV คุมการปล่อยสินเชื่อบ้านสัญญาที่ 2 เนื่องจากเป็นมาตรการระยะยาวที่เชื่อว่าจะส่งผลดีหลายด้าน ไม่กระทบกับการยอดปล่อยการสินเชื่อบ้านหลังแรกของสถาบันการเงินที่ยังขยายตัวได้ดี นอกจากนี้ ยังพบว่าราคาห้องชุด หรือ คอนโดมิเนียม มีราคาลดลงหลังจากลดการเก็งกำไร เป็นโอกาสดีทำให้ผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริงๆ ได้ซื้อห้องชุดในราคาที่ถูกลง
"มาตรการ LTV เป็นผลดีกับคนซื้อบ้านและสถาบันการเงิน ทำให้เกิดความยั่งยืนไม่มีความเสี่ยง ส่วนข้อเสนอของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการให้ ธปท. ปรับเกณฑ์เงื่อนไข LTV ทาง ธปท. ก็รับพิจารณา เพราะบางข้อเสนอเป็นที่มีเหตุมีผล" นายธาริฑธิ์ กล่าว