นางสาววิลาวัลย์ วีระกุล รองอธิบดีด้านประเมินราคาทรัพย์สิน กรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์เตรียมประกาศประเมินราคาที่ดินรอบใหม่ในวันที่ 1 ม.ค.2563 โดยเพิ่มขึ้นเป็น 33.4 ล้านแปลง จากเดิม 32 ล้านแปลง หรือเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านแปลง รวมทั้งการประเมินราคาอาคารชุดรวม 6,300 โครงการ คงเหลือการจัดบัญชีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างทั่วประเทศที่คาดว่าจะเสร็จในเดือน ส.ค.นี้ โดยการประเมินราคาเป็นการปรับให้ใกล้เคียงกับตลาด และเป็นการเตรียมฐานข้อมูลสำหรับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
"ที่ผ่านมากรมฯ มีการทบทวนและประเมินใหม่ทุกปี แม้ว่าตามกรอบเวลาปรับราคาปกติจะเป็น 4 ปี แต่ก็ต้องมีการประกาศเพื่อให้ราคามีความเป็นปัจจุบันมากที่สุด การปรับปรุงราคาประเมินรอบนี้จะมีผลกับประชาชนน้อยมาก"
สำหรับการปรับปรุงราคาประเมินรอบใหม่ เมื่อเทียบราคาประเมินแปลงต่อแปลงในภาพรวมทั้งประเทศเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 8.2% ลดลงจากการปรับราคาประเมินรอบที่ผ่านมาเฉลี่ยที่ 11% เนื่องจากราคาประเมินรอบใหม่กว่า 70% ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงราคาประเมิน เพราะกรมได้ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการประเมินจึงมีความแม่นยำมากขึ้น ขณะที่ 1% ราคาประเมินลดลง และอีก 29% ราคาประเมินปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่ดินแปลงใหญ่ และโครงการหมู่บ้านจัดสรร
ในการปรับปรุงราคาประเมินรอบใหม่ จ.กำแพงเพชร เป็นจังหวัดที่มีการปรับขึ้นราคาประเมินสูงสุดกว่า 200% เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้มีการปรับมา 2 รอบ คิดเฉลี่ยจากหลักพันบาทต่อตารางวา เป็นหลักหมื่นบาทต่อตารางวา ขณะที่ราคาประเมินในเขตกรุงเทพมหานคร ปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8-10% ถือว่าไม่มากเพราะกรุงเทพมีการทยอยปรับราคาประเมินทุกปี โดยราคาประเมินสูงที่สุดในประเทศ ยังคงอยู่ในเส้นถนนพระราม 1 ช่วง จากแยกสยาม ห้างพารากอน ราชดำริ ไปจนถึงชิดลม ที่ ปรับจาก 9 แสนบาทต่อตารางวา เป็น 1 ล้านบาท ส่วนแนวรถไฟฟ้าก็มีการปรับขึ้นทั้งหมด
ส่วนราคาประเมินที่ดินในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ยังขยับเพิ่มขึ้นไม่มาก เนื่องจากจะต้องรอติดตามผลการดำเนินงานในพื้นที่ก่อน โดยการประเมินราคาจะยึดจากการพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคต่าง ๆ มากกว่าการซื้อขายกันในตลาด เพื่อป้องกันการปั่นราคา โดยจะทำการเข้าไปสำรวจเมื่อโครงการเดินหน้าชัดเจนอีกครั้ง