พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริงว่า มาตรการที่ออกมาเน้นการแก้ปัญหาระยะสั้น เพื่อพยุงให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้สูงขึ้นในช่วงไตรมาส 3-4 เพราะกว่าที่รัฐบาลจะสามารถนำงบประมาณประจำปี 2563 ออกมาใช้ได้ก็คงน่าจะเป็นช่วงปี 63
แต่สิ่งสำคัญ คือ ประชาชนและผู้ประกอบการต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะหากไม่มีการปรับเปลี่ยนการทำงาน รายได้ก็คงเท่าเดิม ขณะที่การช่วยเหลือเกษตรกรนั้น ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ช่วยเหลือชาวนาเพียงอย่างเดียว แต่จะมีการช่วยเหลือเรื่องปาล์มน้ำมัน และยางพาราตามมาอีก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต้องพิจารณาเป็นรายไตรมาส หากช่วงไหนเศรษฐกิจตกต่ำก็จะต้องเข้าไปดูว่ารัฐบาลจะทำอะไรได้บ้าง บางอย่างก็ต้องคิดทบทวนให้ละเอียด เช่น มาตรการยกเว้นวีซ่าที่มีผลกระทบหลายด้าน รวมถึงผลกระทบด้านความมั่นคง แม้ว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเตือนว่าหากไม่ทำอาจทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง แต่รัฐบาลก็คงต้องหามาตรการอย่างอื่นเข้าไปเสริมแทน
เช่นเดียวกับข้อเสนอให้เปิดสถานบันเทิงได้ถึงตีสี่ก็ต้องไปทบทวนดูว่าสามารถทำได้หรือไม่ เพราะไม่อยากให้คิดว่าจะแก้ปัญหาหนึ่งแต่กลับนำไปสู่อีกปัญหาหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาสังคม
พล.อ.ประยุทธ กล่าวว่า มาตรการประกันราคาข้าว ถือเป็นมาตรการระยะสั้นที่ดำเนินการทำแบบปีต่อปี โดยต้องการให้ชาวนาทราบราคาล่วงหน้า และทำให้อยู่รอด โดยเชื่อว่าจะไม่เกิดปัญหาสำหรับข้าวที่มีคุณภาพ ส่วนข้อร้องเรียนเรื่องข้าวเหนียวราคาแพงนั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากผลผลิตลดลง เป็นสิ่งสะท้อนเรื่องอุปสงค์อุปทานที่มีความสัมพันธ์กัน ซึ่งรัฐบาลต้องบริหารเรื่องนี้ไม่ให้กระทบกับคนในประเทศที่บริโภคข้าวเหนียวด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ฝากให้ช่วยกันสื่อสารเรื่องเหล่านี้ เพราะช่วงนี้ไม่มีสถานการณ์สำคัญด้านอื่น แม้ว่าอาจมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ซึ่งเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง และยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ตัวเองต้องศึกษาทำความเข้าใจ
"การเป็นนายกรัฐมนตรีจะไม่รู้เรื่องคงเป็นไปไม่ได้ มีหลายคนบอกว่านายกรัฐมนตรีไม่รู้เรื่อง หากไม่รู้เรื่องจริง แล้วจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้อย่างไร เพราะรู้จนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว