หอการค้าไทย ขับเคลื่อน Circular Economy เน้นจัดการปัญหาขยะจากภาคอุตสาหกรรม-บริการ-เกษตร เสนอรัฐประกาศเป็นวาระแห่งชาติ

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 29, 2019 14:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อน Circular Economy หอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยมองเห็นถึงปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในเชิงลบ โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรและปัญหามลภาวะ อันเนื่องมาจากขยะและของเหลือใช้จากภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และภาคการเกษตร

โดยขณะนี้ปัญหาขยะทะเลเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยและของโลก ทั้งนี้ไทยถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 6 ของประเทศที่ทิ้งขยะลงสู่ทะเลมากที่สุด และขยะที่พบในทะเลส่วนใหญ่คือขยะพลาสติก ดังนั้นหอการค้าไทยจึงได้มอบหมายให้สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ศึกษาที่มาของขยะทะเลและมาตรการจัดการปัญหาขยะทะเลมากว่า 6 เดือนแล้ว นอกจากนี้ขยะอาหารก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของประเทศ เพราะประมาณ 60% ของขยะมูลฝอยทั้งหมดมาจากขยะอาหาร ซึ่งหากจัดการแยกขยะอาหารไม่ถูกต้องก็จะส่งผลกระทบต่อการจัดการขยะโดยรวม

"หอการค้าไทยกำลังขับเคลื่อนนโยบาย Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดการขยะพลาสติกและขยะอาหารแบบบูรณาการ ทั้งนี้ หอการค้าไทยจะใช้เครือข่ายที่มีสมาชิกรวมกว่า 120,000 ราย เป็นตัวขับเคลื่อน Circular Economy ของประเทศร่วมกับภาครัฐและหน่วยงานเอกชนอื่น และเชื่อว่าจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต" นายฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และกรรมการขับเคลื่อน Circular Economy หอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยได้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการระดมความคิดเห็นของคณะกรรมการฯ และเครือข่าย ร่วมกันกำหนดจุดยืนเพื่อขับเคลื่อน Circular Economy ให้เป็นรูปธรรม ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและเป็นความยั่งยืนของประเทศ โดยได้กำหนดแผนการดำเนินงานในการขับเคลื่อน Circular Economy ของหอการค้าไทยไว้ 4 แผน ซึ่งจะขับเคลื่อนผ่านเครือข่าย โดยเน้นหวังผลในเชิงปฏิบัติและบูรณาการครอบคลุมทั้งประเทศ ได้แก่

การรณรงค์ให้ความรู้ เปลี่ยน Mindset โดยเน้น 2 กลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนและนักศึกษา เช่น บรรจุในบทเรียน จัดทำ Board Game และนำโมเดลโรงเรียนต้นแบบมาเผยแพร่ ส่วนประชาชนทั่วไป ซึ่งประกอบด้วย ชุมชน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว โดยใช้ Social Media, Influencers, YouTubers รวมถึงพระสงฆ์และวัด ให้เข้ามามีส่วนร่วม, การแยกขยะ เช่น จัดตั้งถังแยกขยะในจุดที่เหมาะสม โดยร่วมมือกับภาครัฐและเครือข่าย, การลด Food Waste (ขยะอาหาร) ในภาคการค้าและบริการ เช่น โรงแรม โดยการเผยแพร่ Best Practice ขององค์กรที่มีการบริหารจัดการ Food Waste ที่มีประสิทธิภาพ, การนำ Food Surplus (อาหารเหลือที่สามารถบริโภคได้) บริจาคผู้ขาดแคลน

ด้านนายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธาน TDRI ชี้แจงผลการศึกษาที่มาขยะทะเลว่า ได้มีข้อเสนอแนะในการป้องกันและแก้ไขปัญหาขยะทะเลดังนี้ 1.เสนอให้รัฐบาลประกาศเรื่องการแก้ไขปัญหาขยะ เป็นวาระแห่งชาติ 2.รัฐควรออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับปัญหาขยะ เช่น การเลิกใช้โฟม การเก็บเงินหากใช้ถุงพลาสติก การมัดจำขวด เป็นต้น และ 3.ภาครัฐและภาคเอกชน ต้องร่วมกันรณรงค์ลดการสร้างขยะ พร้อมส่งเสริมการแยกขยะ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ