(เพิ่มเติม) รมว.คลัง ยันรัฐบาลไม่ประมาทพร้อมออกมาตรการสร้างภูมิคุ้มกันเศรษฐกิจไทยตามขั้นตอนความจำเป็น

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 29, 2019 16:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ"วิสัยทัศน์การนำประเทศไทยฝ่าวิกฤติทางเศรษฐกิจเพื่อให้ธุรกิจและการลงทุนในประเทศไม่สะดุด" ในงานสัมมนา "Battle Strategy แผนรบ สยบวิกฤติ Episode I : Do or Die ไม่ทำก็ตาย"ว่า ประเทศไทยจะไม่กลับไปสู่ยุควิกฤติเศรษฐกิจดังเช่นในปี 40 อย่างแน่นอน เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันแตกต่างจากอดีตมาก

ขณะนี้ประเทศไทยมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงภาคธุรกิจและสถาบันการเงินต่างๆ มีความเข้มแข็ง จนส่งผลให้องค์กรต่างประเทศมีความเชื่อมั่นด้านเสถียรภาพการเงินการคลังของไทย แต่ภายใต้ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน สิ่งที่รัฐบาลสามารถทำได้ในขณะนี้คือการออกมาตรการกระตุ้นเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจ โดยเชื่อว่าเป็นมาตรการที่ตรงจุดเพื่อบริหารจัดการเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ไม่ให้ต้องได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกหนักจนเกินไป

"เราต้องบริหารจัดการเศรษฐกิจในตอนนี้ เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจโลกมากระทบเราจนเซ เราจึงได้ออกชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา เป็นการทำเพียงชั่วคราว ไม่ได้แจกไปตลอด เราหวังผลในช่วงครึ่งหลังของปีนี้"รมว.คลัง กล่าว

นายอุตตม กล่าวว่า รัฐบาลจะติดตามผลของชุดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดอย่างใกล้ชิด โดยคาดว่าจะใช้เวลา 3-4 เดือนเพื่อประเมินผลว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรเพิ่มเติมหรือไม่ แต่เบื้องต้นในการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) วันพรุ่งนี้จะพิจารณามาตรการเพื่อดึงดูดการลงทุนที่นำเสนอโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

"มาตรการนี้เราใช้เพื่อหวังผลในช่วงหลังของปีนี้ และจะดูว่าเป็นอย่างไร จะประเมินว่าจะต้องทำอะไรอีกไหม เดี๋ยวรอดู เราทำทีละขั้นตามที่จำเป็นก่อน" รมว.คลัง กล่าว

ส่วนปัญหาสงครามการค้าที่ยังยืดเยื้ออยู่ในขณะนี้ รมว.คลัง กล่าวว่า ด้วยพื้นฐานที่ดีของเศรษฐกิจไทยจะยังสามารถรับมือกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากประเทศไทยมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งถือเป็นภูมิคุ้มกันที่ดี

"เราไม่ประมาท ต้องสร้างภูมิคุ้มกันของตัวเองทันที ถ้ามันเลิกเร็วได้ ก็ยิ่งดี เรายิ่งพร้อมจะเดินหน้า แต่ถ้าเลิกช้าเราก็ไปได้ เพราะเรามีภูมิคุ้มกัน" รมว.คลังกล่าว

รมว.คลัง กล่าวต่อว่า การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการประคองเศรษฐกิจในขณะนี้ จะช่วยทำให้เกิดความมั่นใจแก่ทุกภาคส่วน ว่าประเทศจะสามารถผ่านพ้นช่วงปัญหาที่ถูกกระทบจากเศรษฐกิจโลกไปได้ เพราะหากรัฐบาลไม่ดำเนินการ ก็จะเกิดภาพที่ทำให้ทุกฝ่ายเกิดความห่อเหี่ยว และไม่เชื่อมั่น

"ผมไม่ได้บอกว่าความเชื่อมั่นเป็นการหลอกตัวเอง ที่ผ่านมาเศรษฐกิจของเราอ่อนไหว ซึ่งเราก็ได้ฟื้นขึ้นมาจากช่วง 4 ปีที่ผ่านมาแล้ว และเติบโตขึ้น แต่เหตุการณ์ปัจจุบันเกิดจากปัจจัยต่างประเทศ ดังนั้นเราก็จำเป็นต้องปรับตัว ผมเชื่อมั่นว่าเราจะทำได้ ข้างหน้ายังมีความท้าทาย ถ้าเราไม่ปรับตัว วิกฤติก็จะเกิดกับตัวเอง" รมว.คลัง กล่าว

ทั้งนี้ มองว่ายุทธศาสตร์สำหรับประเทศไทยในระยะปานกลาง (4-5 ปี) ซึ่งจำเป็นต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมใน 3 ด้าน คือ 1.การก้าวทันต่อเทคโนโลยี สามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่า 2.สร้างความน่าสนใจแก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ 3.ดูแลและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในประเทศได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ