ภาวะตลาดเงินบาท: เย็นนี้อยู่ที่ 30.60 ตลาดจับตาปัจจัยเสี่ยงในต่างประเทศหลายประเด็น

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 30, 2019 16:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเย็นนี้อยู่ที่ 30.60 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเปิดตลาดเช้าที่ ระดับ 30.65 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 30.60-30.67 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดยังกังวลเรื่องปัจจัยเสี่ยง ในต่างประเทศหลายเรื่อง ได้แก่ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน, Brexit, การชุมนุมในฮ่องกง, ปัญหาการเมืองในประเทศ อาร์เจนตินาและอิตาลี ขณะที่มีแรงซื้อดอลลาร์จากผู้นำเข้าน้อยลง

"บาทกลับมาแข็งค่าช่วงท้ายตลาดจากความกังวลเรื่องปัจจัยเสี่ยงในต่างประเทศ ประกอบกับแรงซื้อดอลลาร์จากผู้นำเข้าหมด ไป" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้าไว้ระหว่าง 30.55-30.65 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT SPOT RATE FIXING อยู่ที่ระดับ 30.6130 บาท/ดอลลาร์

*ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ 106.40 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 106.42 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1039 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1045 ดอลลาร์/ยูโร
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวในงานเสวนาหัวข้อ "New era
of Thailand Trade & Tourism" ในงานสัมมนา Thailand Focus 2019 ว่า ปัจจุบันสงครามการค้าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการ
ค้าทั่วโลก รวมทั้งไทยที่เป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออก แต่ไทยมีจุดแข็ง คือ สินค้าส่งออกมีความหลากหลาย มีการกระจายสินค้าไปสู่ตลาด
อื่นที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะตลาด CLMV และอินเดียที่การส่งออกมีการเติบโตสูงในหลายกลุ่มสินค้า และแม้ว่าสงครามการค้าทำให้การส่ง
ออกสินค้าที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของจีนลดลง แต่สินค้าไทยโดยเฉพาะสินค้าที่ทดแทนสินค้าจีนยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในตลาดสหรัฐฯ
ทำให้ผลกระทบของสงครามการค้าในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.5% ของการส่งออกทั้งหมดของไทยเท่านั้น
  • รมว.คลัง กล่าวว่า ถึงแม้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในเดือน ก.ค.62 จะชะลอตัวลงตามสภาพเศรษฐกิจ แต่โดย
รวมที่ผ่านมาการจัดเก็บยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือน ก.ค.62 ขยายตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า
โดยเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวดีขึ้นตามการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทนและกึ่งคงทน แต่โดยรวมยังอยู่ในทิศทางที่ชะลอลงเมื่อ
เทียบกับช่วงครึ่งปีแรก ด้านการใช้จ่ายภาครัฐกลับมาขยายตัวทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน
  • สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT) กล่าวว่า ธนาคารได้ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ไทย (GDP) ในปี 62 เหลือโต 2.8% จากเดิมที่ 3.3% เนื่องจากความตึงเครียดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนเริ่มเห็นผล
กระทบต่อประเทศไทยแล้ว ซึ่งเป็นการลุกลามมาจากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ ทำให้ภาคการลงทุนเอกชนมีแนวโน้มที่
จะติดลบในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่มีแนวโน้มติดลบต่อเนื่อง แต่ไม่รุนแรงเท่าครึ่งปีแรกของปีนี้
  • หอการค้าสหรัฐออกโรงเตือนมีความเสี่ยงจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้น เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีน
กับสหรัฐ พร้อมเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศยกเลิกการเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่และเริ่มเจรจาการค้าใหม่อีกครั้ง
  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยข้อมูลว่า เฟดได้เพิ่มการถือครองตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐ โดยในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่
28 ส.ค. เฟดถือครองตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐโดยเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 5,410 ล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 2,091,269 ล้านดอลลาร์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ