(เพิ่มเติม) นายกฯ เปิดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนพลังงาน หวังสร้างความร่วมมือพัฒนานวัตกรรม-สร้างความมั่นคง ยั่งยืนให้ภูมิภาค

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 4, 2019 11:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิด "การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานครั้งที่ 37 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง และงาน ASEAN Energy Business Forum" โดยมีรัฐมนตรีพลังงานจากประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศคู่เจรจา รองเลขาธิการอาเซียน ผู้อำนวยการทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ เข้าร่วม

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าภูมิภาคอาเซียนจะต้องเผชิญกับความท้าทายในภาคพลังงานเป็นอย่างมาก ซึ่งพลังงานเป็นปัจจัยที่สำคัญที่ส่งผลต่อการพัฒนาสังคม และการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยแนวทางผลิตและการใช้พลังงานของแต่ละประเทศจะถูกกำหนดด้วยความสามารถในการปรับตัวต่อความท้าทายทางพลังงานของตามแต่สถานการณ์ของแต่ละภูมิภาค

"ในเวลานี้อยู่ช่วงเริ่มต้นของกระแสของโลกในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และกำลังก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานแห่งอนาคต ภูมิภาคอาเซียนมีความต้องการพลังงานมากขึ้นทุกวัน เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างรวดเร็ว พลังงานสะอาดและพลังงานทดแทนอาจจะเป็นพลังงานหลักต่อไปในอนาคตอันใกล้ ดังนั้นการพัฒนาตลาดและการลงทุนด้านพลังงาน รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานแห่งอนาคต ทั้งในส่วนของเชื้อเพลิงฟอสซิลและไม่ใช่ฟอสซิล จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับภูมิภาค"นายกรัฐมนตรี กล่าว

ในฐานะเจ้าภาพอาเซียน ไทยได้ผลักดัน Key Deliverables ของประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียนได้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยผลการศึกษาที่เกิดขึ้น จะเป็นข้อมูลและแนวทางสำหรับการวางนโยบายและกรอบความร่วมมือของอาเซียนต่อไปในอนาคต อาทิ ในด้านไฟฟ้ามีการยืนยันการเพิ่มปริมาณการซื้อขายไฟฟ้าจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ผ่านราชอาณาจักรไทย ไปยังสหพันธรัฐมาเลเซีย ซึ่งจะสามารถสนับสนุนและอำนวยความสะดวกต่อการขยายความร่วมมือสู่ประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ ที่สนใจเข้าร่วมโครงการในอนาคต ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพการเชื่อมโยงพลังงานไฟฟ้าในอาเซียน

นอกจากนั้น ผลการศึกษาและข้อเสนอแนะต่างๆ อาทิ ข้อเสนอแนะเรื่องการศึกษาโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็กเพื่อรองรับก๊าซธรรมชาติ (Small-scale LNG) แนวทางการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนในโครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน จะช่วยกำหนดทิศทางและกิจกรรมที่ควรจะดำเนินการในอนาคต เพื่อให้อาเซียนสามารถบรรลุเป้าหมายตามแผนปฏิบัติการด้านพลังงานอาเซียน (ASEAN Plan of Action on Energy Cooperation) ในด้านการส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงโครงข่ายและตลาดการซื้อขายก๊าซธรรมชาติในอาเซียน ส่วนในด้านการพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดนั้น อาเซียนได้เห็นชอบร่วมกันในการผลักดันเป้าหมายด้านพลังงานทดแทนให้ถึง 23% ในปี 2568 และการปรับมาตรฐานด้านประสิทธิภาพพลังงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะส่งให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงาน และการผลิตและใช้พลังงานอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียนต่อไป

ในส่วนของอนาคตทางพลังงานนั้น ปัจจัยที่จะส่งผลให้เกิดพลังงานแห่งโลกอนาคต นั่นคือ พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะสามารถขับเคลื่อนโดยระบบพลังงานแบบกระจายศูนย์ การผลิตพลังงานในรูปแบบของพลังงานไฟฟ้า และการใช้เทคโนโลยีดิจิตทัล เพื่อสนับสนุนการพัฒนาด้านพลังงานให้มีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืน ดังนั้นการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบพลังงานสมัยใหม่โดยมีพลังงานหมุนเวียนเป็นแหล่งพลังงานหลัก จึงไม่เพียงแต่เพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานเท่านั้น แต่ยังพัฒนาความเป็นอยู่และเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนชน และยังช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมด้วย

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยมีแนวทางเปิดเสรีด้านพลังงานทั้งในส่วนของก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้าและสามารถเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในภาคการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ซึ่งองค์ประกอบที่จะส่งเสริมให้เกิดพลังงานที่มีความมั่นคง ราคาเหมาะสม และยั่งยืน คือการสร้างระบบพลังงานที่มีความทันสมัย รองรับการผลิต และการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งเชื่อมั่นว่า พลังงานเพื่อทุกคน (Energy for All) จะช่วยสนับสนุนแผนงานและเป้าหมายของภาครัฐให้บรรลุเป้าหมาย และช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้ ทั้งนี้เห็นว่า จำเป็นต้องลงทุนในเรื่องของเทคโนโลยีพลังงานที่ก้าวหน้า และสะอาด

สำหรับแนวคิดหลักของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 37 หรือ 37th AMEM ในปีนี้ คือ "Advancing Energy Transition Through Partnership and Innovation" ซึ่งหมายถึง การมุ่งเน้นความร่วมมือ ร่วมใจ เพื่อพัฒนานวัตกรรมพลังงานอาเซียนในยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานให้เข้าสู่ยุคพลังงานที่มีความยั่งยืน ซึ่งเป็นการมุ่งเน้นความร่วมมือของกลุ่มประเทศอาเซียนและประเทศคู่เจรจาในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงานเพื่อให้ภูมิภาคอาเซียนสามารถก้าวเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานจากพลังงานที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาดที่มีความยั่งยืนในอนาคต

"การประชุมในวันนี้จะได้ข้อสรุปที่เป็นยุทธศาสตร์ด้านพลังงานในอนาคต และร่วมกันเดินหน้าไปด้วยกันอย่างเข้มแข็ง เพราะประชาชนยังรอที่จะใช้พลังงานราคาถูก มีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพ"นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ตนเองมีภารกิจที่จะเดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฎิบัติงานช่วยเหลือ ในพื้นที่ จ.พิษณุโลก และ จ.สุโขทัย ซึ่งผลกระทบนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงของโลก และมีผลต่อพลังงานในอนาคต โดยเฉพาะจากพลังงานน้ำ ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาให้เกิดความยั่งยืน และดูแลอย่างเต็มที่โดยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง

"ขณะนี้ประเทศมีปัญหาเศรษฐกิจ เชื่อว่า ทุกประเทศก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน และวันนี้รู้สึกดีใจที่อาเซียนและประเทศที่เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ช่วยดูแลด้านเศรษฐกิจร่วมกัน พร้อมทั้งอยากให้อาเซียนช่วยกันเพิ่มมูลค่าตามแนวชายแดนให้สูงขึ้น เพื่อช่วยลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก และไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกประเทศ"นายกรัฐมนตรี กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ