ซิตี้กรุ๊ปเผยขายสำนักงานใหญ่ในญี่ปุ่นให้มอร์แกน สแตนเลย์

          ซิตี้กรุ๊ป ซึ่งขาดทุนมากเป็นประวัติการณ์จากการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อซับไพรม์ในไตรมาสล่าสุด กล่าวว่า บริษัทกำลังขายสำนักงานใหญ่ในญี่ปุ่นให้แก่คู่แข่งอย่าง มอร์แกน สแตนเลย์
          ซิตี้กรุ๊ปปฏิเสธที่จะระบุมูลค่าของสัญญา แต่นสพ.นิกเกอิคาดว่า การทำธุรกรรมซื้อขายสำนักงานในครั้งนี้น่าจะมีมูลค่า 4.8 หมื่นล้านเยน
          บ.ซิตี้แบงก์ เจแปน จำกัด กล่าวว่า บริษัทจะเช่าคืนและจะยังคงดำเนินงานจากอาคารสำนักงานดังกล่าวที่มีความสูง 22 ชั้นและตั้งอยู่ในเขตธุรกิจชินางาว่า
          ซิตี้กรุ๊ประบุในแถลงการณ์ว่า ข้อตกลงซื้อ-ขายอาคารมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งบดุลของซิตี้แบงก์ เจแปน และบรรเทาความเสี่ยงจากการถือครองสินทรัพย์ที่เป็นอสังหาริมทรัพย์
          ซิตี้กรุ๊ปเปิดเผยเมื่อเดือนที่แล้วว่า บริษัทขาดทุนเกือบ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4/50 ท่ามกลางการผิดนัดชำระเงินกู้จำนองที่เพิ่มมากขึ้นของลูกค้าที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพรม์) ซึ่งได้รับการปล่อยกู้ในช่วงที่ตลาดที่อยู่อาศัยเฟื่องฟู แม้ลูกค้าในกลุ่มนี้จะมีประวัติสินเชื่อที่ไม่สม่ำเสมอก็ตาม
          อย่างไรก็ดี ซิตี้กรุ๊ประดมทุนเพิ่มได้หลายพันล้านดอลลาร์เพื่อพยุงฐานะทางการเงินของบริษัท ซึ่งรวมถึงเงินลงทุน 6.88 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากบรรษัทเพื่อการลงทุนแห่งรัฐบาลสิงคโปร์ (Government of Singapore Investment Corp : GIC)
          ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนเลย์ มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สดใสในญี่ปุ่น โดยในปีที่แล้ว วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่รายนี้ได้ซื้อโรงแรม 13 แห่งของบริษัทออล นิปปอน แอร์เวย์ส เป็นเงินสูงถึง 2.81 แสนล้านเยน ซึ่งเชื่อว่าเป็นการทำสัญญาด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น 
          นอกจากนี้รายงานยังระบุด้วยว่า มอร์แกน สแตนเลย์ ตกลงที่จะขายโรงแรมเวสตินสุดหรูในกรุงโตเกียวให้แก่ GIC ของสิงคโปร์ในมูลค่า 7.7 หมื่นล้านเยนด้วย
          อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติซับไพรม์ แต่ซิตี้กรุ๊ปก็มีแผนที่จะขยายกิจการในญี่ปุ่น โดยเมื่อเดือนที่แล้ว บริษัทได้เข้าซื้อกิจการของ นิกโก คอร์เดียล บริษัทโบรกเกอร์รายใหญ่อันดับ 3 ของญี่ปุ่น ผ่านการสวอปหุ้นมูลค่า 4.8 พันล้านดอลลาร์ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน